ฟิทช์ ปรับแนวโน้มอันดับเครดิต DTAC เป็นบวก หลัง EBITDAR Margin สูงขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 27, 2014 15:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คแซส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) เป็นบวก จากแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ในขณะเดียวกันฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating) และอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินในประเทศ (Long-Term Local-Currency Issuer Default Rating) ของ DTAC ที่ ‘BBB’ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ที่ ‘AA(tha)’ และ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ที่ ‘F1+(tha)’

การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของ DTAC เป็นบวกสะท้อนถึงการคาดการณ์ของฟิทช์ว่า ถึงแม้รายได้ของ DTAC จะเติบโตในอัตราที่ช้าลง และบริษัทมีการลงทุนสูงในการขยายเครือข่าย 3G ในช่วง 3 ปีข้างหน้า อัตราส่วนหนี้สินที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO-Adjusted Net Leverage) ของ DTAC จะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 1.5 เท่า จากการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่ง เนื่องจากต้นทุนค่าส่วนแบ่งรายได้ที่ลดลงจากการดำเนินงานภายใต้ใบอนุญาต 3G ประมาณการก่อนหน้านี้ของฟิทช์คาดว่าอัตราส่วน FFO-Adjusted Net Leverage ของ DTAC จะอยู่ในระดับสูงกว่า 1.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง

ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า ต่อรายได้ (EBITDAR Margin) ของ DTAC จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 3%-5% ต่อปีในช่วงปี 2558 ถึง 2560 แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นบวกบ่งบอกถึงอันดับเครดิตของ DTAC ที่อาจถูกปรับเพิ่มในช่วง 24 เดือนข้างหน้า หากกำไรและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งตามที่ฟิทช์คาดการณ์ ในขณะที่บริษัทยังคงรักษาอัตราส่วน FFO-Adjusted Net Leverage ในระดับต่ำกว่า 1.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต ฟิทช์คาดว่ากำไรและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ DTAC จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 2557 และ 2558 ถึงแม้ว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตในอัตราที่ช้าลง โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของ EBITDAR Margin ถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายด้านการตลาดจะยังคงอยู่ในระดับสูงในปี 2557 และ 2558 แต่ค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะถูกชดเชยโดยต้นทุนค่าส่วนแบ่งรายได้ที่ลดลงจากการเปลี่ยนการดำเนินงานจากสัญญาสัมปทานไปเป็นใบอนุญาต 3G

ดังนั้นฟิทช์คาดว่า EBITDAR Margin ของ DTAC จะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับ 36%-41% ในปี 2557 และ 2558 จาก 33% ในปี 2556 กระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงเงินทุนหมุนเวียน (Funds Flow from Operations) ของ DTAC น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท ในปี 2559 จาก 2.8 หมื่นล้านบาท ในปี 2556

การลงทุนที่สูง แต่อัตราส่วนหนี้สินอยู่ในระดับต่ำ: เงินลงทุนที่สูงอย่างต่อเนื่องสำหรับการขยายเครือข่าย 3G และการลงทุนในคลื่นความถี่โทรคมนาคมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จะทำกระแสเงินสดสุทธิ (Free Cash Flow) ของ DTAC ติดลบ และส่งผลให้หนี้สินสุทธิและอัตราส่วนหนี้สินต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (Financial Leverage) ปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 2557 และ 2558

อย่างไรก็ตามกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและอัตราส่วนหนี้สินต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ DTAC ที่อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอันดับเครดิตปัจจุบัน น่าจะช่วยลดทอนผลกระทบจากการลงทุนที่สูง โดย ณ สิ้นไตรมาสที่สาม ของปี 2557 DTAC มีอัตราส่วน FFO- Adjusted Net Leverage อยู่ที่ 1.0 เท่า โดยฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะอยู่ที่ 1.45 เท่า ณ สิ้นปี 2557

การเติบโตของรายได้จากการให้บริการของ DTAC น่าจะลดลงมาอยู่ในระดับที่ไม่เติบโตจนถึงเติบโตต่ำกว่า 5% ในปี 2557 และ 2558 การเติบโตที่แข็งแกร่งของรายได้จากการให้บริการด้านข้อมูล จะถูกลดทอนด้วยรายได้จากการให้บริการด้านเสียงที่ปรับตัวลดลง

สถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง: DTAC มีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อันดับที่สองของประเทศ และมีส่วนแบ่งทางการตลาดตามรายได้จากการให้บริการประมาณ 30% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา DTAC ได้ลงทุนขยายเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อรองรับการขยายตัวของบริการที่ไม่ใช่เสียง และสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดแม้ว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรง

ความสัมพันธ์กับผู้ถือหุ้นใหญ่: ตามหลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของฟิทช์ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทแม่กับบริษัทลูก (Parent and Subsidiary Rating Linkage Methodology) ฟิทช์จัดอันดับเครดิตของ DTAC โดยเริ่มจากการพิจารณาอันดับเครดิตของ DTAC โดยลำพัง (Standalone Rating) แล้วจึงพิจารณาถึงปัจจัยเสริมจากความสัมพันธ์ดังกล่าว (Bottom-Up Approach) โดยฟิทช์ได้ให้อันดับเครดิตเพิ่มขึ้นหนึ่งอันดับจากอันดับเครดิต Standalone ของ DTAC เพื่อสะท้อนถึงความเกี่ยวเนื่องทางด้านการดำเนินงานและด้านกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจระหว่าง DTAC กับ Telenor ซึ่งมีอำนาจควบคุมคณะกรรมการและผู้บริหารของ DTAC ดังนั้นหากมีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นของ Telenor หรือความสัมพันธ์ กับ DTAC ฟิทช์จะทำการพิจารณาความสัมพันธ์และการสนับสนุนดังกล่าวจาก Telenor ใหม่อีกครั้ง

ส่วนปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยที่อาจส่งผลให้มีการปรับแนวโน้มอันดับเครดิตกลับเป็นมีเสถียรภาพ

  • การเพิ่มขึ้นของอัตราส่วน FFO- Adjusted Net Leverage Ratio สูงกว่า 1.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง
  • อัตราส่วน EBITDAR Margin ต่ำกว่า 40% อย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยที่อาจส่งผลให้มีการปรับลดอันดับเครดิต

  • การเปลี่ยนแปลงของกฎหมาย หรือกฎระเบียบของกิจการโทรคมนาคมที่ส่งผลในแง่ลบต่อบริษัท
  • ความสัมพันธ์ระหว่าง DTAC และ Telenor ที่ลดลง

ปัจจัยที่อาจส่งให้มีการปรับเพิ่มอันดับเครดิต

  • การปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราส่วน EBITDAR Margin ไปอยู่ในระดับสูงกว่า 40% อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อัตราส่วน FFO- Adjusted Net Leverage ในระดับต่ำกว่า 1.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ