"สาลี่ พริ้นท์ติ้ง"เตรียมขาย IPO เข้า SET ระดมทุนสร้าง รง.-คลังสินค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 28, 2014 10:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า บมจ.สาลี่ พริ้นท์ติ้ง(SLP) ได้ยื่น Filing version แรก เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2557 เนื่องจากบริษัทฯจะเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนครั้งแรก(IPO)จำนวน 420 ล้านหุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บมจ.สาลี่อุตสาหกรรม(SALEE) จำนวน 120 ล้านหุ้น และหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 300 ล้านหุ้น โดยหุ้นทั้งหมดจะเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นของ SALEE ตามสัดส่วนการถือหุ้น(Pre-emptive Right)จำนวนไม่เกิน 126,707,006 หุ้น และเสนอขายประชาชนทั่วไปจำนวน 173,292,994 หุ้น

ทั้งนี้ บริษัทมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) โดยมีบล.คันทรี่ กรุ๊ป เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และวัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคารโรงงานและคลังสินค้า และใช้ชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

บมจ. สาลี่ พริ้นท์ติ้ง รับผลิตฉลากสินค้าและงานพิมพ์คุณภาพสูง ผลิตภัณฑ์ของบริษัทสามารถแบ่งออกตามคุณลักษณะและการใช้งานเป็น 3 ประเภทหลัก คือ 1.ฉลากสินค้าที่มีกาวในตัว 2.ฉลากสินค้าแบบผนึกในแม่พิมพ์บรรจุภัณฑ์ และ 3.งานพิมพ์ผลิตภัณฑ์กระดาษที่ไม่มีกาว

ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 57 บริษัทมีรายได้รวม 356.46 ล้านบาท กำไรสุทธิ 64.31 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 685.03 ล้านบาท หนี้สินรวม 357.28 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 327.75 ล้านบาท โดยบริษัทระบุว่ากำไรสุทธิลดลง 20.62 ล้านบาท หรือ 24.28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย สาเหตุหลักมาจากต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มสูงขึ้นและมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจากการปรับลดลงของราคาขายให้กับลูกค้าเดิมรายใหญ่รายหนึ่ง

ณ วันที่ 1 ส.ค.57 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 1,200 ล้านหุ้น และมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 225 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 900 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ณ วันที่ 1 ส.ค.57 คือ บมจ.สาลี่อุตสาหกรรม(SALEE) ถือหุ้น 899,999,998 หุ้นหรือคิดเป็น 99.99% หลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วการถือหุ้นจะลดลงเหลือ 799,999,998 หุ้นหรือคิดเป็น 65%

บริษัทฯมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลในแต่ละปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ