(เพิ่มเติม) JSP เล็งเสนอขายหุ้น IPO 10-12 พ.ย.เข้าเทรด 19 พ.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 30, 2014 12:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ. เจ เอส พี พร็อพเพอร์ตี้ (JSP) คาดว่าจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO)จำนวน 1.2 พันล้านหุ้นในช่วงวันที่ 10-12 พ.ย.นี้ และน่าจะนำหุ้นเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)ได้ราววันที่ 19 พ.ย.57 วัตถุประสงค์ในการระดมทุนในครั้งนี้จะนำเงินไปใช้ในการซื้อที่ดิน เพื่อพัฒนาโครงการของบริษัทในอนาคต และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

นายทนงศักดิ์ มโนธรรมรักษา ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ JSP เปิดเผยว่า จากการเดินสายโรดโชว์ข้อมูลทางธุรกิจ ทั้ง 4 จังหวัด คือ หาดใหญ่ ขอนแก่น เชียงใหม่ และปิดท้าย กรุงเทพฯ ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม บริษัทพร้อมแล้วในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ

ปัจจุบัน JSP มีทุนจดทะเบียน 2,100 ล้านบาท หรือจำนวน 4,200 ล้านหุ้น โดยมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว1,500 ล้านบาท หรือจำนวน 3,000 ล้านหุ้นและเตรียมเสนอขายหุ้นIPO จำนวน 1,200 ล้านหุ้น คิดเป็น 28.57% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป ทั้งนี้บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 40% ของกำไรสุทธิ

นายนิมิต วงศ์จริยกุล กรรมการบริหาร บล.โนมูระ พัฒนสิน ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน JSP กล่าวว่า จากแผนการดำเนินธุรกิจที่มีอย่างต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน โดยปัจจุบันบริษัทฯมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จำนวน 3 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการสำเพ็ง 2 มูลค่า 7,500 ล้านบาท บนถนนสาทร-กัลปพฤกษ์ เป็นโครงการอาคารพาณิชย์ พื้นที่ให้เช่า (ศูนย์การค้าให้เช่า ศูนย์อาหาร และตลาดน้ำ) และ พื้นที่ให้บริการ (อาคารจอดรถ) โดยคาดว่าไตรมาส 3/2557 พื้นที่ให้เช่า และ พื้นที่ให้บริการจะเริ่มเปิดโครงการได้

รวมทั้งโครงการไมอามี่ บางปู มูลค่า 5,500 ล้านบาท บนทำเลย่านบางปู จังหวัดสมุทรปราการ เป็นโครงการที่พักอาศัยภายใต้แนวคิดเมืองติดทะเลที่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด ประกอบไปด้วยโครงการคอนโดมิเนียม และพื้นที่ให้เช่า (ศูนย์การค้าให้เช่า) และโครงการทิวลิป สแควร์ มูลค่า 1,800 ล้านบาท บนทำเลย่านอ้อมน้อย ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่อาศัยแบบผสมผสาน ที่มีแนวคิดการออกแบบโครงการให้เป็นสถาปัตยกรรมยุโรปร่วมสมัย ประกอบด้วยคอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์และคอมมูนิตี้มอลล์ โดยคาดว่าทั้ง 3 โครงการจะทยอยรับรู้รายได้แล้วเสร็จภายใน 3-5 ปีข้างหน้านี้

นายไพรฑูรย์ ธำรงกิตติคุณ กรรมการผู้จัดการ บล.เออีซี ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวอีกว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยงวดครึ่งปีแรก 57 บริษัทมีรายได้ 1,699.21 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 363.13 ล้านบาท ซึ่งเป็นการรับรู้รายได้จากโครงการสำเพ็ง 2 อย่างต่อเนื่องจากปี 56 ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ปี 54-56 โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 93.47 ล้านบาทในปี 54 และมีกำไรขั้นต้นจากการขายอสังหาริมทรัพย์ 9.79 ล้านบาท ส่วนปี 55 มีรายได้รวม 134.84 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้น 22.46 ล้านบาท และปี 56 มีรายได้รวม 847.39 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้น 250.61 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทมียอดทำสัญญาจะซื้อจะขายที่รอรับรู้รายได้จากโครงการในปัจจุบันแล้ว ประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้เป็นรายได้ของบริษัทได้ในปีนี้ และปีหน้า เมื่อเทียบกับในงวดครึ่งปีแรกของปี 57 ที่มีรายได้ 1,699.21 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ