WHA เปิดขายกองรีท WHART 1-4 ธ.ค. เทรด 18 ธ.ค.หลังเคาะราคาปลาย พ.ย.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 13, 2014 16:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ปรานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น(WHA) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะเปิดให้จองซื้อหน่วยลงทุนของกองทรัสต์ WHART ขนาดราว 4.7 พันล้านบาทในวันที่ 1-4 ธ.ค.57 และจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันที่ 18 ธ.ค. 57 หลังจากกำหนดราคา(Book Build)ภายในสิ้นเดือน พ.ย.นี้ แบ่งจัดสรรให้นักลงทุนสถาบันในประเทศ 50% และอีก 50% จะจำหน่ายให้แก่นักลงทุนรายย่อย

ทั้งนี้ WHA จะรับรู้รายได้จากการขายสินทรัพย์ คือ ศูนย์กระจายสินค้าเข้ากอง WHART มูลค่าประมาณ 4.5 พันล้านบาทในไตรมาส 4/57

สำหรับกองทรัสต์ WHART จะเข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ในศูนย์กระจายสินค้า 3 โครงการ รวมพื้นที่เช่าอาคาร 167,107.45 ตารางเมตร คือ ศูนย์กระจายสินค้า WHA ลาดกระบัง Phase 1 และ 2 พื้นที่เช่าอาคาร 35,092.97 ตารางเมตร โครงการ WHA Mega logistic Center (ถนนบางนา-ตราด กม.23) พื้นที่เช่าอาคาร 59,835 ตารางเมตร และ โครงการ WHA Mega Logistic Center (ถนนบางนา-ตราด กม.18) พื้นที่เช่าอาคาร 72,179.48 ตารางเมตร

การเติบโตของกองทรัสต์ WHART จะมาจาก 2 ส่วนหลัก คือ การปรับเพิ่มค่าเช่าศูนย์กระจายสินค้าทุกๆ 3 ปี และจากการขยายการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะมีการเพิ่มทุนทุกๆปี เบื้องต้นวางเป้าหมายซื้อสินทรัพย์จาก WHA ราว 4-5 พันล้านบาทต่อปี ซึ่งจะสามารถแสดงถึงการเติบโตที่มีเสถียรภาพและยั่งยืนของกองทรัสต์ WHART ได้เป็นอย่างดี พรน้อมทั้งตั้งเป้าภายใน 5 ปี กองทรัสต์ WHART จะมีมุลค่าสินทรัพย์เพิ่มเป็น 5 หมื่นล้านบาท

นายแพทย์สมยศ กล่าวถึงความคืบหน้าในการร่วมทุนสร้างโรงงานและคลังสินค้าแบบ build-to-suite ขนาดพื้นที่ 25,000 ตารางเมตรในอินโดนีเซีย โดยใช้เงินลงทุนราว 500 ล้านบาทว่า จะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงต้นปี 58 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปี โดยในส่วนของโรงงานคาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนและสามารถรับรู้รายได้บางส่วนได้ทันทีในปีหน้า

นอกจากนั้น บริษัทยังได้มองโอกาสการลงทุนในประเทศอื่นๆของอาเซียน เช่น เมียนร์มาร์ กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย เพื่อเข้าไปลงทุนขยายธุรกิจคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าในรูปแบบที่คล้ายคลึงกับการลงทุนในประเทศอินนีเซีย โดยบริษัทอาจจะเข้าไปลงทุนเองหรือร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่น ทั้งนั้ เพื่อเป็นการรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางของโลจิสติกส์ในภูมิภาค

บริษัทยังเตรียมศึกษาการขยายธุรกิจพลังงาน หลังจากที่ได้ลงทุนใน Solar Rooftop ไปแล้ว ซึ่งเบื้องต้นมีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากที่จะลงทุนเกี่ยวกับพลังงานทางเลือกที่สามารถต่อยอดจากธุรกิจหลักคือคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า โดยการลงทุนจะเป็นแบบยืดหยุ่น ซึ่งบริษัทอาจจะพิจารณาแนวทางทั้งการซื้อกิจการหรือเริ่มลงทุนด้วยตัวเอง

“เรื่องธุรกิจพลังงานทางเลือกเป็นสิ่งที่ดีที่เราจะก้าวเข้ามาทำต่อไป ซึ่งเราก็จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่จะก้าวเข้ามาร่วมกับเรา การลงทุนเราจะเป็นแบบยืดหยุ่น ซึ่งเราอาจมีการทำ M&A หรือลงทุนเองก็ได้ ในอนาคตรายได้ที่จะมาจากพลังงานทดแทนก็อาจจะเข้ามาเสริมมากขึ้น แต่พลังงานทดแทนที่เราจะทำเราเน้นทำในประเทศ"นายแพทย์สมยศ กล่าว

ด้านผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทคาดว่ากำไรจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 1.46 พันล้านบาท แม้ว่ารายได้จะลดลงมาอยู่ที่ 5.5 พันล้านบาท จากปี 56 ที่มีรายได้ 7.16 พันล้านบาท เนื่องจากปีนี้บริษัทขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT แค่ครั้งเดียวมูลค่า 4.7 พันล้านบาท น้อยกว่าปีก่อนที่ขายสินทรัพย์เข้ากองทุนฯ 6.6 พันล้านบาท แต่บริษัทมีรายได้จากค่าเช่าและบริการคลังสินค้าเพิ่มขึ้น และหันมาเน้นการให้บริการที่มีมูลค่าสูง เช่น การทำคลังสินค้าให้กับยูนิลิเวอร์ การทำห้องเย็นเก็บสินค้า และการทำออฟฟิศแบบ built-to-suite ที่ให้อัตรากำไรดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ