TUF ตั้งเป้าปี 58รายได้ 5 พันล้านเหรียญฯเดินหน้าซื้อ-ควบรวมกิจการเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 17, 2014 16:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์(TUF) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 58 ที่ 5 พันล้านเหรียญ และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ที่ 16-17% โดยในช่วง 2 ปีนี้(ปี 58-59) จะใช้งบลงทุนปกติ ปีละ 3,500 ล้านบาทในการปรับปรุงเครื่องจักรและอื่นๆ แต่จะยังไม่มีการขยายกำลังการผลิต โดยปัจจุบันอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ 80% และไม่คิดว่าจะมีวัตถุดิบใหม่เข้ามามาก

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมองหาโอกาสเข้าซื้อกิจการหรือควบรวมกิจการ ใน 6 กลุ่มธุรกิจอยู่ตลอดเวลา ได้แก่ ธุรกิจทูน่า ธุรกิจกุ้ง และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกุ้ง ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ธุรกิจปลาซาดีนและปลาแมคคาเรล และกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม โดยขณะนี้บริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง สามารถก่อหนี้ได้เพิ่ม เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน(Net Debt to Equity)อยู่ที่ 0.8 เท่า ณ สิ้นก.ย.57

อย่างไรก็ตาม นายธีรพงศ์ยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นถึงการร่วมเข้าประมูลซื้อกิจการบัมเบิ้ลบีผู้ผลิตทูน่ารายใหญ่ที่สหรัฐ

"เป้าหมายปีหน้าเราตั้งใจบรรลุเป้าหมายรายได้ที่ 5 พันล้านเหรียญ ความหวัง 12 เดือนข้างหน้าถ้าทำได้จะทำให้เราเข้าสู่เป้าหมายในปี 2020 (ปี พ.ศ. 2563) ที่ 8 พันล้านเหรียญ"นายธีรพงศ์ กล่าว

ส่วนผลประกอบการในปีนี้ บริษัทมั่นใจว่ารายได้จะทำได้ตามเป้าหมาย 4 พันล้านเหรียญ หรือ 1.2 แสนล้านบาท เนื่องจากงวด 9 เดือนแรกทำรายได้แล้ว 8.86 หมื่นล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิก็จะดีกว่าปีก่อน ตามทิศทางอัตรากำไรสุทธิที่คาดวาจะสูงขึ้นมาที่ 16-17% จากปีก่อนอยู่ที่ 15% เนื่องจากช่วงไตรมาส 3/57 ทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,922 ล้านบาท หรือมีอัตรากำไรขั้นที่ 17.8% และแนวโน้มไตรมาส 4/57 ก็ยังดีต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิสูงกว่าไตรมาส 4/56 ที่มีกำไร 815 ล้านบาท

นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่อ่อนลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนช่วยให้รายได้ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นด้วย โดยปัจจุบันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ 32.70-32.80 บาท/ดอลลาร์

นายธีรพงษ์ กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ดีขึ้นมาจากสาเหตุหลัก คือ ราคาทูน่าที่เป็นวัตถุดิบหลักปรับตัวลดลงจากปีก่อนที่มีราคาเฉลี่ย 1,400-1,500 เหรียญ/ตัน โดยปีนี้ราคาดิ่งลงมาเร็วและแรงจาก 1,800 เหรียญ/ตันในเดือน ก.ค.มาที่ 1,200 เหรียญ/ตันในขณะนี้ อีกทั้งทุกหน่วยธุรกิจสามารถบริหารประสิทธิภาพได้ดี โดยเฉพาะธุรกิจกุ้ง แม้ว่าภาพรวมจะฟื้นตัวช้าแต่สำหรับ TUF สามารถรักษาอัตราการเติบโตได้สูงกว่าอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ บริษัทยังคงมุ่งสินค้าที่มีแบรนด์เนม โดยในงวด 9 เดือนแรกของปี 57 บริษัทมีรายได้รวมจากสินค้าที่มีแบรนด์เนม สัดส่วน 43% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 41% และบริษัทจะมีสัดส่วนจากรายได้สินค้าที่มีแบรนด์เนมสูงขึ้น

*แตกพาร์เหลือ 25 สต. หวังขยายฐานรายย่อย

นายธีรพงศ์ ยังกล่าวว่า ล่าสุดคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการแตกพาร์จาก 1.00 บาทต่อหุ้น เป็น 0.25 บาท/หุ้น และจะมีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติในวันที่ 24 ธ.ค. 57 และคาดว่าจะเริ่มซื้อขายหุ้น TUF บนพาร์ใหม่ได้ในวันที่ 30 ธ.ค.57

"การแตกพาร์ครั้งนี้อยากให้กลุ่มนักลงทุนรายย่อยมีโอกาสเข้ามาลงทุน TUF ปัจจุบันมีนักลงทุนรายย่อยมีสัดส่วน 5%เท่านั้น หากแตกพาร์แล้วก็น่าจะดีขึ้น และเป็นโอกาสสร้างบรรยากาษการลงทุนให้นักลงทุนรายย่อยด้วย" นายธีรพงศ์ กล่าว

ปัจจุบัน TUF มีสัดส่วนนักลงทุนสถาบันสูงถึง 40% โดยเป็นนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ สัดส่วน 35% นักลงทุนสถาบันในประเทศ 5%

ราคาขณะนี้เคลื่อนไหวที่ 82.25 บาท ลดลง 0.75 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ