(เพิ่มเติม) ก.ล.ต.เผยแผนปี 58 มุ่งยกระดับตลาดทุนไทย 6 ด้านให้เชื่อมโยงภูมิภาค

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 1, 2014 15:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า แผนการดำเนินงานปี 58 จะมีความต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา และรองรับแนวโน้มสภาพแวดล้อมโลกในช่วงทศวรรษต่อไป โดยมุ่งยกระดับตลาดทุนไทย 6 ด้าน ได้แก่

1.ยกระดับมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล 2.เพิ่มประสิทธิภาพการป้องปรามและบังคับใช้กฎหมาย ให้รวดเร็ว มีเครื่องมือการลงโทษที่เหมาะสม รองรับความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี 3.สร้างสินค้าและบริการทางการเงินให้หลากหลาย ดึงดูดผู้ลงทุนทั่วโลก หนุนให้ตลาดทุนไทยเป็นศูนย์เชื่อมโยงตลาดทุนในภูมิภาค 4.เปิดช่องทางให้กิจการทุกประเภท ทุกขนาดสามารถเข้าถึงทุนในรูปแบบที่เหมาะสม โดยเฉพาะกิจการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) และกิจการเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ

5. สร้างผู้ลงทุนคุณภาพ พัฒนาให้ประชาชนมีความรู้ทางการเงินและใช้ประโยชน์จากตลาดทุนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และ 6.เพิ่มประสิทธิภาพ ก.ล.ต. เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนพร้อมขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาตลาดทุนให้สัมฤทธิผล

นายวรพล กล่าวต่อว่า เพื่อให้ตลาดทุนไทยมีศักยภาพเป็นศูนย์เชื่อมโยงการระดมทุนในภูมิภาค จะมีการเพิ่มความหลากหลายของสินค้าในตลาดทุน โดยผ่อนคลายเกณฑ์การลงทุนสำหรับผู้ลงทุนที่เป็นรายย่อยและไม่ใช่รายย่อย เช่นการลงทุนในตราสารที่ไม่ได้รับการจัดอันดับ และออกเกณฑ์รองรับการลงทุนและการออกตราสารของกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) เพื่อให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกมากขึ้น รวมถึงการจัดหลักสูตร SEC Thailand Academy เพื่อการพัฒนาศักยภาพของตลาดทุนในภูมิภาค

"เราจะออกเกณฑ์รองรับการลงทุนและการออกตราสารของกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เป็นแหล่งระดมทุนสำคัญ โดยมีสินค้าที่มีคุณภาพดี และเป็นตลาดที่ผู้ลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ เพื่อให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกมากขึ้น"นายวรพล กล่าว

สำหรับการเปิดช่องทางให้แก่กิจการต่างๆ ให้มีโอกาสเข้าถึงทุนนั้น จะมีการออกเกณฑ์รองรับช่องทางใหม่อาทิ การระดมทุนในรูปแบบการเสนอขายหุ้นผ่านระบบหรือเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ (equity crowdfunding) ซึ่งทั้งหมดนี้ จะมีการพัฒนาความรู้ทางการเงินของประชาชนในประเทศไปพร้อมกัน

นายวรพล กล่าวว่า ในปี 58 คาดว่าการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก(IPO)จะมากกว่าปีนี้ที่มีจำนวนราว 32 บริษัท จากการที่สำนักงาน ก.ล.ต.มีมาตรการกระตุ้นผลักดันให้บริษัทตื่นตัว และมีโครงการชักชวนให้ความรู้กับบริษัทใหม่ๆ ซึ่งตอนนี้มีผู้เข้าร่วมโครงการราว 350 บริษัทแล้ว เราก็จะชักชวนบริษัทเหล่านี้เข้ามาระดมทุนก.ล.ต.

ด้านนายชาลี จันทนยิ่งยง รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ในปี 57 ผลงานของ ก.ล.ต.นับว่าประสบความสำเร็จหลายด้าน เช่น ความมั่นคงของตัวกลางและตลาดหลักทรัพย์โดยรวมไม่มีปัญหารองรับความผันผวนได้ การวางรากฐานสู่ความยั่งยืนมีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมทั้งด้านธรรมาภิบาล (CG) ซึ่งตลาดทุนไทยได้รับการประเมินด้วยคะแนนสูงสุดในภูมิภาคอาเซียน และความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) และการต่อต้านการคอร์รัปชัน ซึ่งได้มีการจัดทำดัชนีชี้วัดเพื่อประเมินระดับการพัฒนาด้าน CSR และการป้องกันการมีส่วนเกี่ยวข้องกับคอร์รัปชันสำหรับบริษัทจดทะเบียน โดยในปี 58 จะยังคงดำเนินการขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และมีเป้าหมายให้เห็นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

ส่วนนายวสันต์ เทียนหอม รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ก.ล.ต. ให้ความสำคัญในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายมาโดยตลอด และที่ผ่านมาได้ดำเนินการพัฒนาทั้งส่วนที่เป็นกระบวนการทำงาน และการเสนอแก้ไขกฎหมายที่จำเป็น เช่น การผลักดันมาตรการทางแพ่งเพื่อให้สามารถเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ การแก้ไขกฎหมายดังกล่าวมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายและเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทย

และ นางทิพยสุดา ถาวรามร รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้ตลาดทุนไทยมีศักยภาพในการแข่งขันในเวทีโลก ยังมีงานสำคัญที่ ก.ล.ต. และผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดทุนต้องร่วมมือกันเตรียมความพร้อมอีกหลายเรื่อง เช่น การเข้ากระบวนการประเมินเกี่ยวกับมาตรฐานการกำกับดูแลเทียบกับมาตรฐานสากลขององค์กรกำกับดูแลตลาดทุนนานาชาติ (IOSCO) การปรับปรุงหลักเกณฑ์กำกับดูแลความมั่นคงของระบบต่างๆ เพื่อรองรับความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้าย รวมทั้งการพัฒนาการกำกับดูแลเกี่ยวกับการเสนอขายตราสารการเงินที่จะต้องมีความสมดุลให้สามารถเอื้ออำนวยการระดมทุนและการประกอบธุรกิจโดยยังคงมีการให้ความคุ้มครองผู้ลงทุนในระดับที่เหมาะสม และไม่เป็นการปิดกั้นทางเลือกในการลงทุนของผู้ลงทุนโดยไม่สมควร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ