เครือซีพีร่วมทุนอิโตชู 3.5 แสนลบ.ลงทุนใน CITIC กลุ่มธุรกิจใหญ่ของจีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 20, 2015 11:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ และอิโตชู คอร์ปอเรชั่น บริษัทการค้าชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นได้เข้าไปลงทุนในบริษัท ซิติก ลิมิเต็ด จำกัด (CITIC Limited) ซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่และทำธุรกิจหลากหลายที่สุดแห่งหนึ่งของจีนและถือเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (ดัชนีฮั่งเส็ง)

นับเป็นการสร้างความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่ระหว่างบริษัทชั้นนำของเอเชียได้แก่ ไทย ญี่ปุ่น และจีน โดยมีเป้าหมายที่จะผนึกกำลังเพื่อแสวงหาโอกาสทางการค้าการลงทุน ทั้งในเอเชียและทั่วโลก ซึ่งจะเสริมศักยภาพของภาคธุรกิจในเอเชียให้โดดเด่นบนเวทีโลก โดยในส่วนของเครือเจริญโภคภัณฑ์นั้นการร่วมทุนนี้จะช่วยขยายโอกาสธุรกิจด้านเกษตรอุตสาหกรรม และอาหาร การค้าปลีกและการค้าระหว่างประเทศ และอื่น ๆ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของทุกฝ่าย ซึ่งมั่นใจว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นการค้า และส่งเสริฒการลงทุนในไทยและทั่วภูมิภาค

การร่วมลงทุนระหว่าง เครือเจริญโภคภัณฑ์ และอิโตชู ในครั้งนี้ได้ตกลงให้บริษัท เจียไต๋ ไบรท์ อินเวสต์เม้นท์ จำกัด หรือ ซีที ไบรท์ (CT Bright) ซึ่งเป็นบริษัทที่เครือเจริญโภคภัณฑ์และอิโตชูเป็นเจ้าของร่วมกันในสัดส่วน 50:50 เข้าไปลงทุนในซิติก ลิมิเต็ด รวมทั้งสิ้น 80,000 ล้านเหรียญฮ่องกงหรือประมาณ 343,000 ล้านบาทโดยร่วมกันลงทุนฝ่ายละประมาณ 171,500 ล้านบาท

ทั้งนี้ การลงทุนประกอบด้วย 2 ธุรกรรม ได้แก่ ธุรกรรมแรก ซีที ไบรท์จะซื้อหุ้นซิติก ลิมิเต็ด จำนวน 2,490,332,363 หุ้น คิดเป็น 10% ของหุ้นซิติก ลิมิเต็ด มีมูลค่าประมาณ 150,000 ล้านบาท และหุ้นดังกล่าวถือครองโดย ซิติก กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลจีน ปัจจุบันถือครองหุ้นจำนวน 78%ในซิติก ลิมิเต็ด

ส่วนธุรกรรมที่ 2 เป็นการลงทุนโดยการซื้อหุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพ ซึ่งซิติก ลิมิเต็ด จะออกหุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพจำนวน 3,327,721,000 หุ้นแก่ซีที ไบรท์ คิดเป็นมูลค่า ประมาณ 194,000 ล้านบาท ทั้งสองธุรกรรมนี้มีราคาซื้อขายตกลงกันอยู่ที่ 13.80 เหรียญฮ่องกงต่อหุ้น หรือ ประมาณ 58 บาทต่อหุ้น

การซื้อขายหุ้นครั้งนี้จะต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง และการออกหุ้นบุริมสิทธิจะต้องได้รับอนุมัติจากการประชุมผู้ถือหุ้นอิสระรายย่อยของซิติก ลิมิเต็ด ในการประชุมผู้ถือหุ้นซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เมื่อการดำเนินการทั้งสองธุรกรรมเสร็จสิ้น จะส่งผลให้ซีที ไบรท์ เป็นผู้ถือหุ้นในซิติก ลิมิเต็ดคิดเป็นสัดส่วน 20% ของหุ้นซิติก ลิมิเต็ดทั้งหมด

นายฉาง เจิ้นหมิง ประธานกรรมการ บริษัท ซิติก ลิมิเต็ด เปิดเผยว่า การที่เครือเจริญโภคภัณฑ์และอิโตชูเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นครั้งนี้ทำให้ ซิติก ลิมิเต็ด มีผู้ถือหุ้นที่หลากหลาย และสามารถระดมเงินจากการเพิ่มทุนได้อีกประมาณ 46,000 ล้านเหรียญฮ่องกง หรือประมาณ 194,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปพัฒนาธุรกิจต่าง ๆ ของซิติก ลิมิเต็ด รวมทั้งลงทุนในโอกาสใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับการพัฒนาของจีน

นายมาซาฮีโร่ โอกาฟูจิ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท อิโตชู คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้กล่าวว่า อิโตชูพยายามมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจในจีนและเอเชีย เครือเจริญโภคภัณฑ์ และซิติก ซึ่งต่างเป็นบริษัทชั้นนำของภูมิภาคนี้ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าการร่วมทุนนี้จะเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ตลอดจนเสริมความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่น จีน ไทยและประเทศในเอเชีย

"อิโตชูเติบโตก้าวหน้ามาจนถึงปัจจุบันนี้เป็นเพราะความทุ่มเทและอุทิศตนของผู้บริหารในรุ่นก่อน ๆ การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นผลของความพยายามในการสร้างธุรกิจของเราในจีนมาตั้งแต่ได้รับ การยกย่องจากรัฐบาลจีนให้เป็น “บริษัทการค้าที่เป็นมิตร" (Friendly trading house) เมื่อปี 2515"นายมาซาฮีโร่ กล่าว

ทั้งเครือเจริญโภคภัณฑ์และอิโตชูนั้นถือได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกการลงทุนในจีนนับตั้งแต่จีนเปิดประเทศ และมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยเมื่อปี 2554 อิโตชู ได้ลงทุนมูลค่า 3,300 ล้านบาทในธุรกิจการจัดการทรัพย์สินในฮ่องกงของ ซิติก กรุ๊ป และยังได้ลงนามในข้อตกลงร่วมมือเชิงธุรกิจกันอีกด้วย และเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมาเครือเจริญโภคภัณฑ์และอิโตชูได้ลงนาม ความร่วมมือกันเชิงกลยุทธ์ เพื่อสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจการค้าและการลงทุนไปทั่วโลก

"ความร่วมมือกันระหว่างเครือเจริญโภคภัณฑ์ อิโตชูและซิติก ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของภาคธุรกิจในเอเชีย เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียเติบโตสู่การเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้เพราะการผนึกกำลังโดยอาศัยจุดแข็ง เครือข่าย และทรัพยากรร่วมกันของทั้งสามกลุ่มธุรกิจซึ่งต่างเป็นผู้นำในตลาดโลก จะก่อให้เกิดการลงทุนในภาคธุรกิจที่หลากหลายประเภท และขยายธุรกิจไปในนานาประเทศมากขึ้นทั้งในเอเชียและทั่วโลก"นายธนินท์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ