GBX เจรจาร่วมทุนธุรกิจใหม่ทั้งพลังงานทดแทน-โรงแรม-อาหารชัดเจนกลางปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 30, 2015 11:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์(GBX) เปิดเผยว่า บริษัทศึกษาการลงทุนไปในธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติมที่นอกเหนือจากธุรกิจหลักทรัพย์และทองคำ คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงกลางปีนี้ โดยขณะนี้บริษัทได้เข้าเจรจาร่วมลงทุนในธุรกิจหลายแห่ง ทั้งธุรกิจพลังงานประเภทโรงไฟฟ้าชีวมวล, ธุรกิจบริการประเภทโรงแรม และธุรกิจอาหาร เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกินธุรกิจละ 500 ล้านบาท

ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากธุรกิจซื้อขายทองคำถึง 80% และธุรกิจหลักทรัพย์ 20% ส่วนการลงทุนในธุรกิจอื่นและธุรกิจไอทียังไม่ได้ทำรายได้ให้มากนัก ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายปรับสัดส่วนรายได้จากทั้ง 3 ส่วนมาอยู่ในระดับเท่าๆ กัน หรือ ราว 30% โดยขณะนี้มีการลงทุนในบริษัทย่อย ได้แก่ บล. โกลเบล็ก ดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์, บริษัท โกลเบล็ก คอนเนค จำกัด ดำเนินธุรกิจให้บริการข้อมูลสารสนเทศและจำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และ บริษัท เอเชีย อิควิตี้ เวนเจอร์ จำกัด ดำเนินธุรกิจร่วมลุงทุนในบริษัทอื่น

นายโสฬส กล่าวว่า หากการลงทุนในธุรกิจใหม่มีความชัดเจน บริษัทอาจพิจารณาใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อระดมเงินทุนหากต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยอาจจะเลือกวิธีการเพิ่มทุนหรือการกู้จากสถาบันทางการเงิน เนื่องจากบริษัทยังมีศักยภาพในการกู้เงินเพราะไม่มีหนี้สิน โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)เป็นศูนย์

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 58 คาดการณ์กำไรที่ 60-70 ล้านบาท จากเป้าหมายรายได้เติบโตราว 50% จากปีก่อน เนื่องจากธุรกิจหลักทรัพย์และค้าทองคำมีแนวโน้มเติบโตดี โดยยอดขายทองคำในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5 พันล้านบาท/เดือน จากก่อนหน้าอยู่ที่ราว 3 พันล้านบาท/เดือน ซึ่งในปีนี้บริษัทมีแผนจะขยายลูกค้าในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น คาดสัดส่วนรายได้จากต่างจังหวัดจะสูงขึ้นมาอยู่ที่ 50% และในกรุงเทพฯ 50%

ทั้งนี้ บริษัทคาดยอดขายทองคำในปีนี้จะอยู่ที่ 6 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนทำยอดขายราว 3 หมื่นล้านบาท โดยประเมินราคาทองคำในตลาดโลกในปีนี้จะอยู่ในระดับ 1,200-1,400 เหรียญ/ออนซ์ ขณะที่คาดว่าปริมาณการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันจะปรับตัวสูงขึ้นมาที่ 4 หมื่นล้านบาท/ วัน

ด้านนายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.โกลเบล็ก(GBS)เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ธุรกิจหลักทรัพย์ในส่วนลูกค้ารายย่อยในปีนี้ที่ระดับ 3.15% จากปี 57 อยู่ที่ 2.73% โดยคาดว่าบัญชีลูกค้าทั้งหลักทรัพย์และอนุพันธ์จะเพิ่มขึ้นเป็นสูงกว่า 2.5 หมื่นบัญชี จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.2 หมื่นบัญชี ซึ่งเป็นบัญชีที่มีการเคลื่อนไหวสม่ำเสมอราว 50%

ปัจจุบัน บริษัทมีเจ้าหน้าที่การตลาด(มาร์เก็ตติ้ง)ที่ให้บริการลูกค้าราว 200 คน โดยในปีนี้มีแผนจะรับมาร์เก็ตติ้งเพิ่ม เน้นการพัฒนาคนรุ่นใหม่ขึ้นมา และไม่มีนโยบายดึงตัวมาร์เก็ตติ้งจากโบรกอื่น นอกจากนี้ บริษัทจะขยายกลุ่มลูกค้ารายใหม่ การปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ แม้จะมีการแข่งขันเพิ่มขึ้น แต่บริษัทฯ ก็มีการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังไม่มีแผนเปิดสาขาใหม่จากปัจจุบันที่มีจำนวนสาขา 10 แห่งทั้งในกทม.และต่างจังหวัด

อีกทั้ง บริษัทคาดว่าปีนี้รายได้จะเติบโตราว 15% จากปีก่อนทำได้ราว 600 ล้านบาท โดยจะมาจากธุรกิจโบรกเกอร์ 90% และจาก Prop. Trade 10% ขณะที่ด้านธุรกิจวาณิชธนกิจ(IB)ปีนี้บริษัทเจรจาเป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 3-4 รายในมือ ขนาดระดมทุนรายละประมาณ 100 ล้านบาท

"สัดส่วนรายได้จากงาน IB ของบริษัทฯ ยังมีค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ร่วมรับประกันการจัดจำหน่าย ซึ่งลูกค้าไอพีโอส่วนใหญ่ รอดูจังหวะตลาดที่เหมาะสม หากในปีนี้ภาพรวมตลาดไอพีโอสดใสก็คงยิ่งดึงดูดให้ลูกค้าไอพีโอเร่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เร็วขึ้นกว่ากำหนด ซึ่งปีที่ผ่านมามีดีล IPO ของ สยามเวลเนสกรุ๊ป เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นบริษัทเดียว ซึ่งกระแสตอบรับค่อนข้างดี"นายธนพิศาล กล่าว

บริษัทยังคงมีการแผนการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับการแข่งขันของธุรกิจโบรกเกอร์ที่รุนแรงมากขึ้นหลังการเปิดเสรี โดยบริษัทได้ใช้งบลงทุนในการปรับปรุงพัฒนาระบบเทคโนโลยี ทั้งหลักทรัพย์ และตราสารอนุพันธ์ในช่วงปี 57-58 เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงระบบต่างๆ ผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น เพื่อเป็นการรองรับการแข่งขันกับตลาดทุนภูมิภาค AEC และบริษัทฯ ยังมีแผนเพิ่มบุคลากรเจ้าหน้าที่การตลาดรุ่นใหม่ และที่มีประสบการณ์ เพื่อมาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้บริษัทอีกด้วย

นอกจากนี้ บริษัทฯ เปิดให้ผู้สนใจการลงทุนเข้ามาอบรมเพิ่มเติมความรู้ด้านการลงทุน อาทิ ศึกษางบการเงิน การวิเคราะห์ทางเทคนิคเบื้องต้น ทั้งนี้เพราะบริษัทกำลังศึกษารายละเอียดทางระบบการลงทุนเชิงกลยุทธ์การวิเคราะห์หลัก ทรัพย์ สร้างโมเดลการซื้อขายด้วยตนเอง ด้วยระบบ MT4/MT5 และคาดว่าจะเพิ่มระบบการซื้อขายหุ้นเพิ่มเติมอย่าง I2Trade เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของนักลงทุน คาดว่าน่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 58 นี้ โดยสามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวสำคัญ ตารางการอบรม และลงทะเบียนได้ที่ www.globlex.co.th นอกจากนี้โกลเบล็กเริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้ามาของสินค้าเกษตรล่วงหน้า (AFET) ที่จะเข้ามาร่วมอยู่ใน TFEX ด้วยเช่นกัน

นายธนพิศาล กล่าวอีกว่า ในปีนี้ บล.โกลเบล็ก ประเมินภาพรวมดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย(SET Index)ในกรอบ 1,375-1,700 จุด ซึ่งกรอบสูงสุดอยู่ที่พีอี 19 เท่า โดยยังคงมีมุมมองเชิงบวก เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัว 3.5-4% ฟื้นตัวจากปี 57 หลังจากรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเร่งเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 58 อีกทั้งมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐที่จะเปิดประมูลงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ

ปัจจัยบวกต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้ยังคงเป็นเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวช่วยสนับสนุนการเพิ่มขึ้นกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ของประเทศขนาดใหญ่ รวมถึงราคาน้ำมันที่ลดลงช่วยลดต้นทุนการผลิต ส่วนปัจจัยลบ คือ การเกิดสงครามค่าเงินจากการที่แต่ละประเทศต่างดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อให้ค่าเงินอ่อนลงกระตุ้นการส่งออก และธนาคารกลางสหรัฐมีโอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งหลังของปี 58 รวมทั้งเสถียรภาพของการเมืองในประเทศเอง และการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าหรือไม่

แต่อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มขยายตัว รวมทั้งค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าตามตลาดในภูมิภาคเดียวกัน จะช่วยดึงความเชื่อมั่นและกระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย

ดังนั้น จึงวางกลยุทธ์การลงทุนในปี 58 ช่วงจังหวะที่ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสอ่อนตัวจากปัจจัยภายนอก อาทิ ความกังวลว่ากรีซอาจต้องออกจากกลุ่มยูโรโซน ถือเป็นโอกาสดีในการทยอยซื้อหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ได้รับอานิสงส์จากการลงทุนโครงการภาครัฐการเปิดประมูลก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ได้แก่ ITD , กลุ่มธนาคาร สินเชื่อขยายตัวโดดเด่นตามภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว , กลุ่ม ICT ได้รับอานิสงส์จาก Digital economy และการเปิดประมูล 4G ที่เร็วขึ้นจากกำหนดการเดิม และกลุ่มท่องเที่ยวและสายการบิน ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้ต้นทุนพลังงานลดลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ