NDR ขยายไลน์ผลิตชิ้นส่วนพลาสติกรถยนต์ พร้อมขยายตลาดยางมอเตอร์ไซค์ใน-ตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 11, 2015 15:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น.ดี.รับเบอร์(NDR)เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมขยายสายการผลิตไปสู่สินค้าประเภทชิ้นส่วนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ทำจากพลาสติก หลังจากได้ปลายปีที่แล้วได้นำเข้าเครื่องจักรผลิตวัสดุพลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมยางรถจักรยานยนต์ที่เป็นสินค้าหลัก ซึ่งสามารถต่อยอดไปทำแม่พิมพ์เพื่อผลิตอุปกรณ์ตัวอื่น ๆ ได้ โดยขณะนี้ได้มีการเจรจาเบื้องต้นกับลูกค้าในกลุ่มเดิม ได้แก่ กลุ่มไทยซัมมิทและแอร์โรคลาส รวมทั้งรายอื่น ๆ คาดว่าจะเริ่มขายสินค้าได้ภายในปลายปีนี้ถึงต้นปี 59
"เราจะใช้พื้นที่ในโรงงานเดิมที่นำเข้าเครื่องจักรมาแล้ว ออร์เดอร์จะเริ่มดีลตั้งแต่ตอนนี้ กว่าจะตกลงกันได้น่าจะเริ่มเห็นการขายปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า เริ่มจากชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่ไปเป็นส่วนประกอบกับชิ้นส่วนขนาดใหญ่"นายชัยสิทธิ์ กล่าว

พร้อมกันนั้น บริษัทก็จะขยายตลาดสินค้ายางรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นสินค้าหลักทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจารับจ้างผลิตยางป้อนให้กับโรงงานของค่ายยามาฮ่า หลังจากที่ได้เริ่มส่งมอบสินค้าล็อตแรกให้กับค่ายซูซูกิเดือนละประมาณ 5-6 พันเส้นในวันนี้ ซึ่งเดิมยามาฮ่าได้จ้างให้บริษัทผลิตยางเฮ้าส์แบรนด์ไปวางจำหน่ายในร้านของดีลเลอร์อยู่แล้ว

ส่วนการขยายตลาดต่างประเทศ ขณะนี้บริษัทมุ่งไปที่ตลาดเอเชียใต้ หลังจากที่ทำตลาดในกลุ่มอาเซียนไปแล้วทั้งพม่า ลาว มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ โดยคาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญากับลูกค้าในอินเดียราวปลายไตรมาส 1/58 ถึงต้นไตรมาส 2/58 และเริ่มส่งสินค้าได้ภายในไตรมาส 3/58 ปริมาณการขายเบื้องต้นราว 7-8 ล้านบาท/เดือน จากนั้นบริษัทจะเจรจาเปิดตลาดในบังคลาเทศและปากีสถานเป็นลำดับถัดไป

"ปกติบริษัทจะพยายามรักษาสัดส่วนรายได้จากในประเทศและต่างประเทศให้อยู่ในระดับใกล้เคียงที่ 50:50 แต่ช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงปีนี้ตลาดในประเทศค่อนข้างชะลอตัว บริษัทจึงได้เริ่มไปบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น ทำให้ปีนี้สัดส่วนรายได้ต่างประเทศเพิ่มเป็น 60% ในประเทศ 40% จากปีก่อนอยู่ที่ 55:45 เพื่อชดเชยตลาดในประเทศ" นายชัยสิทธิ์ กล่าว

สำหรับผลประกอบการในปีนี้ นายชัยสิทธิ์ เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้จะฟื้นตัวในลักษณะ Turnaround ขึ้นมาใกล้เคียงกับปี 56 ที่มีรายได้ราว 840-850 ล้านบาท หลังจากรายได้และกำไรในปี 57 หดตัวลง แต่ไม่ถึง 10% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจชะลอตัว โดยปีนี้คาดว่าจะทำรายได้มากกว่า 850 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในปี 59 จะทำรายได้แตะ 1 พันล้านบาท

ขณะที่ปีนี้จะรักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ 6-7% ใกล้เคียงปีก่อนที่อยู่ในระดับ 6% โดยคาดว่าวัตถุดิบหลักทั้งยางพาราและยางสังเคราะห์นั้นราคาจะยังทรงตัวในระดับนี้ต่อไปอีกอย่างน้อย 1-2 ปี อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงระดับการสต็อกวัตถุดิบไว้ที่ 2-3 เดือน เพราะควบคุมความเสี่ยงด้านราคาวัตถุดิบ พร้อมทั้งทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้ง 100% สำหรับสินค้าที่ส่งออกไปขายในต่างประเทศด้วย

ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของบริษัทกว่า 80% มาจากยางรถจักรยานยนต์ ส่วนอีก 5-7% มาจากชิ้นส่วนรถยนต์ที่ทำจากยาง และที่เหลือมาจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งในปึนี้บริษัทจะมีกำลังการผลิตยางรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 3,500,000 เส้น/ปี ตั้งแต่ไตรมาส 2/58 จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 2,400,000 เส้น/ปี เพื่อการรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ราคาหุ้น NDR มีการขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง น่าจะเป็นผลมาจากที่จะได้รับออเดอร์ผลิตยางมอเตอร์ไซต์เข้ามาเพิ่มจากค่ายยามาฮ่า และเริ่มทยอยส่งมอบออเดอร์ให้กับค่ายซูซูกิล็อตแรกในเดือนก.พ.นี้ ขณะที่ NDR ก็มีการขยายไลน์การผลิตไปสู่ชิ้นส่วนรถยนต์เพิ่มเติมในช่วงปลายปี 58 อีกทั้งบริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโตราว 10%

เมื่อเวลา 15.25 น.ราคาหุ้น NDR มาอยู่ที่ 5.50 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 0.10 บาท (+1.85%)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ