AIRA ตั้งเป้าปี 58 รายได้-กำไรโต 15%จากปีก่อน เจรจาM&A 2 ดีล สรุปปีนี้ 1 ดีล

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 16, 2015 10:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางนลินี งามเศรษฐมาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไอร่า แคปปิตอล (AIRA) เปิดเผยว่า บริษัท ตั้งเป้ารายได้-กำไรปีนี้เติบโต 15-20% จากปีก่อน โดยมาจากการเติบโตในทุกธุรกิจในกลุ่มไอร่า ทั้งมาจากธุรกิจโบรกเกอร์ และ บริษัท ไอร่า แอนด์ ไอฟูล จำกัด ประกอบกับ บริษัทฯ มีการปรับสัดส่วนรายได้ของกลุ่มให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยง โดยสิ้นปีนี้ 50% จะมาจากธุรกิจโบรกเกอร์, 40% จะมาจากธุรกิจการโอน และรับโอนสิทธิเรียกร้องภายในประเทศ (แฟคตอริ่ง) และสัดส่วน 10% จะมาจากธุรกิจให้บริการที่ปรึกษาทางธุรกิจแบบครบวงจรในประเทศสิงโปร์ และธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าปีก่อนรายได้-กำไรปี 57 มีโอกาสต่ำกว่าปี 56 ที่ทำได้ 792.03 ล้านบาท และ 90.02 ล้านบาท เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองในประเทศช่วงครึ่งปีแรก ทำให้ปริมาณการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ลดลงค่อนข้างมาก ทำให้รายได้มากกว่า 50% มาจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ โดยสิ้นสุด ก.ย.57 มีรายได้ 594.10 ล้านบาท กำไรสุทธิ 32.55 ล้านบาท

นางนลินี กล่าวว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะซื้อกิจการเพิ่มเติม โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าลงทุน หรือซื้อกิจการจำนวน 2 แห่ง โดยคาดจะสรุปดีลภายในปีนี้ได้ 1 ดีล เบื้องต้นคาดจะเป็นกลุ่มธุรกิจการเงิน 1 บริษัท และอีก 1 ดีล คาดเป็นธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเงิน อาทิ พลังงานทางเลือก ,อสังหาริมทรัพย์ และอาหาร เป็นต้น ซึ่งก็ยอมรับว่ามีผู้สนใจเข้ามาเจรจาอยู่หลายราย แต่บริษัทฯ จะพยายามมองบริษัทที่สร้างโอกาสทางธุรกิจ ต่อยอดให้กับบริษัทฯ ได้มากที่สุด

นางนลินี กล่าวว่า บริษัทมีเม็ดเงินในการลงทุนมีเพียงพอ เพราะมีอัตราหนี้สินต่อทุนเพียง 0.2 เท่า และมีเงินจากการขายหุ้น IPO รวมถึงยังมีเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ จากตลาดทุน โดยมีมูลค่าการลงทุนระดับต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท หรือ มากกว่า 2,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะมีการพิจารณานำบริษัทใหม่ 1 แห่งที่จะเข้าซื้อกิจการ นำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางด้านเงินทุนในการขยายธุรกิจ

"เรามีแผนจะซื้อกิจการเพิ่ม ปีนี้มอง 2 ดีล เรื่องเงินลงทุนเราไม่ได้กังวลเลย เรามีเม็ดเงินในการลงทุนมีเพียงพอ เพราะมีอัตราหนี้สินต่อทุนเพียง 0.2 เท่า และมีเงินจากการขายหุ้น IPO รวมถึงยังมีเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ จากตลาดทุน แต่ถ้าเราจะเพิ่มทุน คงจะเป็นทางเลือกสุดท้าย เพระไม่อยากให้กระทบต่อผู้ถือหุ้น"นางนลินี กล่าว

นอกจากนี้ บริษัท ไอร่า แอนด์ ไอฟูล จำกัด ซึ่งบริษัทเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทฯ และ กลุ่ม ไอฟูล คอร์ปอเรชั่น ผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคลรายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น โดยบริษัทฯ ถือหุ้น 30% ได้ตั้งเป้าขนาดพอร์ตสินเชื่อแตะ 15,000 ล้านบาท ในปี 60 และมีสาขาอย่างน้อย 120 แห่งทั่วประเทศ และมีแผนจะนำ บริษัท ไอร่า แอนด์ ไอฟูล จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายใน 18 เดือนข้างหน้า เพื่อระดมทุนขยายธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล

ทั้งนี บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจสินเชื่อบุคคล (จากบริษัท ไอร่า แอนด์ ไอฟูล จำกัด)จำนวน 40% เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหุ้นในธุรกิจโบรกเกอร์ โดยจะลดสัดส่วนค่านายหน้าธุรกิจโบรกเกอร์เหลือราว 30% ส่วนธุรกิจแฟคตอริ่งจะมีสัดส่วน 20% ที่เหลือจะมาจากธุรกิจอื่นๆ

*บล.ไอร่าตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ปีนี้ที่ 2%

นายไพโรจน์ เหลืองเถลิงพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ไอร่า หนึ่งในบริษัทย่อยของ AIRA เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ปีนี้แตะระดับ 2% จากปีก่อนที่ 1.5% โดยใช้กลยุทธ์สร้างความรู้ให้กับนักลงทุนเพื่อเสริมความรู้ความเข้าใจในการลงทุน จะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าได้อย่างยั่งยืนมากกว่าการเพิ่มเพียงจำนวนบัญชี และจะรักษาฐานมาร์เก็ตติ้งที่เหนียวแน่นกว่า130 รายที่มีไว้อย่างแน่นอนรวมถึง บริษัทฯยังมีระบบการจัดการที่ดี ขณะเดียวกันก็จะสร้างฐานใหม่ โดยมีจะเปิดสาขาที่เชียงใหม่

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้กังวลแม้จะมีโบรกเกอร์ใหม่เพิ่มขึ้น 3 ราย มองว่าเป็นสีสันของอุตสาหกรรม โดยปัญหาหลักของเศรษฐกิจไทย คือ ธุรกิจหลักทรัพย์ยังมีน้อย แต่นักลงทุนไทยยังลงทุนกันน้อยมากแม้โบรกจะเพิ่มขึ้นอีก เชื่อว่าไม่น่าจะมีผล กระทบ นอกจากนี้ บล.ไอร่า มั่นใจในศักยภาพและบริการ ส่วนค่าคอมมิชชั่นของบริษัทฯ ปัจจุบันอยู่ที่เฉลี่ย 0.17% โดยจะรักษาไว้ในระดับดังกล่าวต่อไปและไม่มีนโยบายแข่งขันด้านราคา

"เราตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ปีนี้ไว้ที่ 2% จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.5% การที่เราจะแตกต่างกับรายอื่น เพราะเราสร้างความแตกต่างและจัดสัมมนาเยอะกว่าทุกปีโดยทำมา 4-5 ปีก็ทำมาตลอด โดยปีก่อนเห็นความเลี่ยนและเทคโนโลยีรวดเร็ว รวมถึงสอนให้ใช้เครื่องมือ ทำให้เป็นจุดที่น่าจะแตกต่าง" นายไพโรจน์ กล่าว

สำหรับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1,850 จุด และมีโอกาสเห็นถึง 2,000 จุดในปีหน้า โดยเป็นไปตามภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศ และเศรษฐกิจโลกที่เข้าสู่แนวโน้มฟื้นตัว ขณะที่การอัดฉีดเม็ดเงินของธนากลางหลายแห่งน่าจะทำให้เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐ เช่น รับเหมา-วัสดุก่อสร้าง กลุ่มสื่อสาร และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์จากนโยบาย Digital Economy อาทิ สื่อสาร

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ