(เพิ่มเติม) IMPACT ตั้งเป้างวดปี 58/59 รายได้ 2.17พันลบ.โต 11%อัตรากำไรสุทธิ 49.5%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 20, 2015 13:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อิมแพ็คโกรท(IMPACT) ตั้งเป้าผลประกอบการงวดปี 58/59 จะมีรายได้ราว 2.17 พันล้านบาท เติบโตจากงวดปีก่อนราว 11% เนื่องจากจะมีการปรับขึ้นค่าเช่าพื้นที่ราว 9% เป็น 72 บาท/ตร.ม.และคาดว่าอัตราการเช่าพื้นที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 60% จากเดิม 50%

ขณะที่อัตรากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นเป็น 49.5% จากปีก่อน 42% โดยบริษัทมีแผนลงทุนโซลาร์รูฟผลิตไฟฟ้าใช้ภายในโครงการ เพื่อลดต้นทุนด้านพลังงาน

นอกจากนั้น ในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.58 จะมีการเพิ่มสินทรัพย์ของกองทรัสต์ฯ อีก 4 รายการ ซึ่งมีต้นทุนราว 3 พันล้านบาท ขณะที่บริษัทเตรียมแผนลงทุนสร้างรถโมโนเรลเชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู หากทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)ไม่สร้างทางเชื่อมเข้ามาภายในโครงการอิมแพค

นายพอลล์ กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิมแพ็ค เอ๊กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด บริษัทในเครือบมจ.บางกอกแลนด์ (BLAND) และผู้บริหารกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อิมแพ็คโกรท (IMPACT) กล่าวว่า แผนธุรกิจของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในปี 58/59 (เม.ย. 58-มี.ค. 59) บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมอยู่ที่ 2.17 พันล้านบาท หรือเติบโต 11% จากปี 57/58 (เม.ย. 57-มี.ค. 58) ที่คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 1.96 พันล้านบาท โดยมาจากอัตราการใช้พื้นที่ของบริษัทที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 60% ในปี 58/59 จากปี 57/58 ที่มีอัตราการใช้พื้นที่อยู่ที่ 50% โดยบริษัทตั้งเป้ามีกิจกรรมทั้งหมดที่ใช้บริการพื้นที่ของอิมแพ็ค 938 กิจกรรม เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 830 กิจกรรม ประกอบกับในช่วงต้นเดือนเม.ย.ที่จะมีการปรับเพิ่มขึ้น 9% มาอยู่ที่ 72 บาท/ตร.ม. จากปีก่อนที่ 66 บาท/ตร.ม. ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทมีการเติบโตมากขึ้น

ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิของบริษัทในปี 58/59 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 49.5% จากปีก่อนอยู่ที่ 42% ซึ่งเติบโตขึ้นตามรายได้และบริษัทมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายต้นทุนต่างๆเพื่อทำให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันต้นทุนที่บริษัทรับภาระมากที่สุด คือ ต้นทุนด้านพลังงาน ที่บริษัทมีค่าใช้จ่ายปีละกว่า 200 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การลดต้นทุนด้านพลังงานดังกล่าวให้ลดลง บริษัทจะมีการลงทุนเกี่ยวกับโครงการพลังงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar rooftop) เพื่อนำมาใช้เองในโครงการของบริษัท ซึ่งในสัปดาห์หน้าบริษัทจะมีการเข้าไปพูดคุยกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมไปถึงการพูดคุยกับผู้ที่จะมาติดตั้ง Solar Rooftop ให้กับบริษัท ซึ่งมาจากประเทศสิงคโปร์ ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวออกมาได้ในช่วงไตรมาส 1/58-59

ในส่วนการนำสินทรัพย์ใหม่นำเข้ากอง IMPACT GROWTH REIT คาดว่าจะมีสินทรัพย์ทั้งหมด 4 รายการ ได้แก่ 1.โรงแรมโนโวเทล อิมแพ็ค จำนวน 380 ห้อง มีอัตราการเข้าพักประมาณ 61% อัตราค่าห้องเฉลี่ย 1,513 บาท โดยคาดว่าจะมีรายได้ 200 ล้านบาท/ปี และมี EBITDA MARGIN อยู่ที่ 25% 2.อาคารจอดรถในร่ม 1,700 คัน 3.อาคารอุตสาหกรรมนิวเจนีวา พื้นที่ 49,845 ตารางเมตร มีผู้เช่า 86% อัตราค่าเช่า 340 บาท/ตารางเมตร พร้อมปรับขึ้นค่าเช่า 15% พร้อมปรับขึ้นค่าเช่าทุกๆ 3 ปี และ 4. Community Mall Bee Hive ซึ่งมีอัตราการเช่าแล้ว 95% อัตราค่าเช่า 800 บาทต่อตารางเมตร พร้อมขึ้นค่าเช่า 15% ทุกๆ 3 ปี

สำหรับสินทรัพย์ทั้งหมดที่บริษัทคาดว่าจะนำเข้ากองดังกล่าวในปีนี้นั้นมีต้นทุนรวมอยู่ที่กว่า 3 พันล้านบาท โดยบริษัทจะนำสินทรัพย์ดังกล่าวส่งให้กับที่ปรึกษาทางการเงินศึกษาและวิเคราะห์ความคุ้มค่าในการนำสินทรัพย์ดังกล่าวเข้า โดยคาดว่าจะทยอยนำสินทรัพย์ดังกล่าวเข้าได้ในปี 58/59 ช่วงเดือนก.ย.-ต.ค. 58 เป็นต้นไป ทั้งนี้กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อิมแพ็คโกรท (IMPACT) มีมูลค่าสินทรัพย์ปัจจุบันอยุ่ที่ 1.96 หมื่นล้านบาท

ด้านการลงทุนในปี 58/59 บริษัทตั้งงบลงทุนรวมอยู่ที่ 4 พันล้านบาท สำหรับการพัฒนาโครงการใหม่และการปรับปรุงพื้นที่ของโครงการในอิมแพ็ค ได้แก่ 1.การเตรียมความพร้อมเพื่อก่อสร้างโรงแรม IBIS ด้านหลังอิมแพ็ค จำนวน 620 ห้อง มูลค่า 1 พันล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการทำการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงไตรมาส 4/59 หรือไตรมาส 1/60 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในต้นปี 62 2.ก่อสร้างอาคารจอดรถใหม่ 4,000 คัน มูลค่า 800 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มงานก่อสร้างได้ภายในอีก 3 เดือนข้างหน้า 3.การก่อสร้าง Shopping Mall ด้านหน้าอาคาร IMPACT ARENA บนลาน ACTIVE SQUARE เดิม พร้อมที่จอดรถใหไม่อีก 3,000 คัน มุลค่า 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงไตรมาส 4/61 4.การปรับปรุง Lobby อาคาร IMPACT Exhibition Hall 1-8 มูลค่า 100 ล้านบาท และ5.การทำร้านอาหารและบาร์ มูลค่า 100 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาและวางแผนการลงทุนทำรถไฟฟ้าโมโนเรลเข้าสู่ด้านในโครงการเมืองทองธานีเพื่อเชื่อมต่อกับสายสีชมพู หากรถไฟฟ้าสายสีชมพูไม่มีตำแหน่งของสถานีเข้ามาในโครงการเมืองทองธานี เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าชมงานและแก้ปัญหาการจาจรติดขัดในโครงการเมืองทองธานี โดยบริษัทคาดว่าจะใช้งบลงทุนในการทำรถไฟฟ้าโมโนเรลเพื่อเชื่อกับสายสีสมพูราว 600 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่มาจาก BLAND ที่เป็นบริษัทแม่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรอความชัดเจนของการพัฒนารถไฟฟ้าสายสีชมพูของภาครัฐว่าจะมีตำแหน่งสถานีเป็นอย่างไร

"หากรถไฟฟ้าสายสีชมพูไม่เข้ามาในเมืองทองจริง เราก็วางแผนที่จะลงทุนทำรถไฟโมโนเรลเองก็ได้ ซึ่งเราคิดมา 2-3 ปีก่อนแล้ว โดยงบลงทุนที่เราตั้งไว้คร่าวๆที่ราว 600 ล้านบาท ซึ่งเรามองว่าเรามีความสามารถที่จะทำเองได้และมันก็เป็นประโยชน์กับ IMPACT ผู้ใช้บริการ และแก้ปัญหารถติดที่เดิขึ้นในบางงาน ตอนนี้เราแก้ปัญหาไปก่อนโดยการสร้างที่จอดรถเพิ่ม ก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง ตอนนี้รอความชัดเจนของภาครัฐก่อนว่าจะเข้ามาหรือไม่"นายพอลล์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ