PACE มั่นใจปีนี้พลิกเป็นกำไร ยอดขายส่อทะลุเป้า เปิด 2 โครงการใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 25, 2015 15:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น(PACE)เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 58 เป็นต้นไปจะเริ่มพลิกเป็นกำไร จากการเริ่มโอนโครงการคอนโดมิเนียมมหานครตามกำหนด ขณะที่ตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ราว 2,000 ล้านบาท ซึ่งจณะนี้มียอดขายสะสมรอโอน(backlog)แล้ว 1 หมื่นล้านบาท ยังไม่รวมโครงการ"นิมิตหลังสวน"

สำหรับโครงการมหานครจะทยอยโอนตั้งปีนี้ไปจนถึงปี 60 โดยจะมีการมูลค่าการโอนสูงสุดในปี 59 จากมูลค่าโครงการกว่า 2.1 หมื่นล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้วกว่า 70% และมีกำหนดสร้างแล้วเสร็จภายในปี 58

"ปี 58 ถ้าโอนตามแผนจะรับรู้รายได้ได้ ก็น่าจะมีกำไร ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงต้นปี ก็ต้องดูต่อไป"นายสรพจน์ กล่าว

นายสรพจน์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการในปีนี้ มูลค่าโครงการรวมประมาณกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยได้เปิดพรีเซลล์โครงการนิมิตหลังสวนไปแล้ว มูลค่าโครงการ 7,500 ล้านบาทที่สร้างปรากฎการณ์ทำลายทุกสถิติการจองในช่วงก่อนเปิดขาย (พรีเซลล์)ของ PACE ทุกโครงการด้วยยอดจองพร้อมจ่ายเงินมัดจำแล้วถึง 70% คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในเดือน ต.ค.58 และมีกำหนดแล้วเสร็จภายในครึ่งหลังของปี 61

และจะเปิดโครงการมหาสมุทรที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาทในเดือน เม.ย.58 นี้ เฟสแรกเป็นวิลล่าตากอากาศมูลค่าโครงการราว 3,000 ล้านบาท ขณะนี้เริ่มก่อสร้างสาธารณูปโภค ถนน และทะเลสาบแล้ว

"ปีนี้คงต้องปรับเป้ายอดขายใหม่เพราะโครงการนิมิตหลังสวนมียอดขายเกินเป้าไปแล้ว ส่วนมหานครก็ทยอยขายห้องที่เหลือและเตรียมตัวโอนห้องที่ใกล้เสร็จ โครงการนิมิตหลังสวนขายได้ 70% เกินเป้า ส่วนที่เหลือขอใช้เวลาพิจารณาจะทำอย่างไรต่อไป ราคาเฉลี่ยที่ 3 แสนบาท/ตร.ม.เป็นราคาที่เหมาะสม ซึ่งห้องเพ้นท์เฮาส์ขายหมดแล้วเหลือ 2 ห้องนอน 3 ห้องนอน ราคาขายโดยประมาณ 25-250 ล้านบาท

ครึ่งหนึ่งที่ซื้อเป็นลูกค้าเก่าระดับ VVIP ที่มีความเชื่อมั่นบริษัทเป็นเหตุผลหลัก ซึ่งมองว่าตลาดไฮเอนด์ดีมานด์ยังสูงมาก บวกกับชื่อเสียงของบริษัท ตัวโครงการและโลเคชั่น"นายสรพจน์ กล่าว

พร้อมกันนี้ บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินราว 1,000-2,000 ล้านบาทเพื่อใช้ซื้อที่ดินแปลงใหม่ใน กทม.โดยเฉพาะทำเลถนนสุขุมวิท นอกจากนี้ ยังงบลงทุนพัฒนาโครงการราว 3-4 พันล้านบาทสำหรับ 2 โครงการ คือมหานครที่จะทยอยสร้างแล้วเสร็จสิ้นปีนี้ และโครงการมหาสมุทรที่การก่อสร้างคืบหน้าต่อเนื่อง ส่วนโครงการนิมิตหลังสวนคงจะเริ่มก่อสร้างปลายปี 58 และน่าจะเป็นงบลงทุนของปี 59

"มีลูกค้าเก่าหลายรายอยากจะให้เราทำโครงการใน area ที่ยังไม่เปิด เช่น สุขุมวิททุกโซน แต่ไม่ได้มองว่าจะต้องเป็นแนวรถไฟฟ้า"นายสรพจน์ กล่าว

นายสรพจน์ กล่าวอีกว่า บริษัทมีโอกาสขยายการลงทุนต่างประเทศมากขึ้น จากที่บริษัทมีแผนจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไปให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม(RO)จำนวน 600 ล้านหุ้น และออกหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ให้กับพันธมิตรกลุ่มทุนอิสราเอล ซึ่งเป็นกลุ่มที่ร่วมกันทำโครงการมหานครอยู่แล้ว โดย PACE จะออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่เพื่อใช้แลกกับหุ้นที่พันธมิตรถืออยู่ในโครงการมหานคร หุ้นกัน ซึ่งกลุ่มทุนอิสราเอลจะเข้ามาถือหุ้นใน PACE ไม่เกิน 20% ทั้งนี้ คาดว่ากระบวนการเพิ่มทุนทั้ง RO และ PP จะดำเนินการในได้ภายในไตรมาส 2/58 โดยจะต้องที่ประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้ง

ส่วนพันธมิตรรายใหม่นั้น บริษัทมีผู้ที่สนใจติดต่อเข้ามาพูดคุยมาโดยตลอด แต่เรามองว่าไม่จำเป็นหากทำโครงการไม่ใหญ่มากก็สามารถพัฒนาโครงการเองได้ ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ไม่เกิน 3 เท่า และหลังจากออกหุ้นใหม่ให้พันธมิตรเข้ามาถือหุ้น ก็จะทำให้ DE น้อยลงและส่วนทุนเพิ่มขึ้น

สำหรับแผนธุรกิจหลังซื้อกิจการกาแฟแบรนด์ดีน แอนด์ เดลูก้า มาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาและทำแผนธุรกิจ

"ตอนนี้ยังให้ความสำคัญกับธุรกิจอสังหาฯซึ่งเป็นธุรกิจหลักก่อน ส่วนดีน แอนด์ เดลูก้า ก็ปล่อยให้ดำเนินธุรกิจต่อไป ยังไม่รีบเข้าไปทำอะไรมากอยู่ระหว่างศึกษาและวางแผนอยู่"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ