(เพิ่มเติม1) ก.ล.ต. เตรียมออกประกาศเพิ่มช่องทางการลงทุนในหลักทรัพย์ตปท.ใน 1-2 เดือน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 27, 2015 16:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประกิด บุณยัษฐิติ ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า ก.ล.ต. อยู่ระหว่างการยกร่างประกาศให้บริษัทต่างประเทศสามารถเสนอขายหุ้นและนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (primary listing) และร่างประกาศรองรับการออกและเสนอขายตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเท Depositary Receipt หรือ DR ซึ่งจะเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ที่ ก.ล.ต.ต้องการเพิ่มทางเลือกของสินค้าและบริการใหม่ ๆ แก่ผู้ลงทุน

หลักเกณฑ์ที่จะประกาศยังคงเน้นให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูล และความคุ้มครองในระดับที่เหมาะสม โดยบริษัทต่างประเทศที่ต้องการระดมทุนในประเทศไทยจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การอนุญาต และหลักเกณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้องเช่นเดียวกับบริษัทไทย รวมทั้งเกณฑ์เพิ่มเติมที่ใช้สำหรับบริษัทต่างประเทศโดยเฉพาะ เช่น แสดงได้ว่ากฎหมายพื้นฐานที่ใช้บังคับกับบริษัทมีความสอดคล้องกับกฎหมายของไทยในเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการรักษาสิทธิผู้ถือหุ้น ในส่วนของ DR จะต้องมีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็นหุ้นของบริษัทหรือหน่วยลงทุนของอีทีเอฟต่างประเทศที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำของโลก

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดด้านกฎหมายและสิทธิบางประการที่อาจมีความแตกต่าง ความเสี่ยงของต่างประเทศและความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

"คาดว่า อีก 1-2 เดือนน่าจะออกหลักเกณฑ์ออกมา เพื่อรองรับบริษัทต่างประเทศที่จะมาขาย IPO และจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยได้ แต่สิ่งที่ก.ล.ต.เป็นห่วงเนื่องจากการที่บริษ้ทอยู่ต่างประทศ เกณฑ์ของ primary listing จะต้องใช้เกณฑ์ IPO ของไทยบวกเกณฑ์เพิ่ม เช่น กฎหมายประเทศนั้น กฎหมายหลักทรัพย์ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการให้ความคุ้มครองผู้ลงทนว่าประเทศนั้นๆ เทียบเคียงกับของไทยหรือไม่ ถ้าไม่เท่าจะหามาเสริมได้หรือไม่ อาจต้องไปแก้เกณฑ์แก้กฏหมายให้เท่ากับของไทย ความร่วมมือด้าน Enforcement เวลามีปัญหาต้องมีความร่วมมือด้าน Regulator mapping กับประเทศนั้น เช่น จะต้องมีการเซ็น MOU กลางของหน่วยงานกำกับเรื่องที่จะให้ความช่วยเหลือด้าน Enforcement ซึ่งถ้ามีการเซ็น MOU แล้วก็ขอให้กรรมการเป็นคนไทย 2 คน เผื่อมีปัญหาจะได้คุยได้สะดวก และที่ปรึกษา (FA) ต้องเป็นพี่เลี้ยงอีก 3 ปี มาตรฐานงบการเงินควรเป็นไปตามมาตรฐานไทยหรือมาตรฐานสากล"

นอกจากนี้ ในอีก 1-2 เดือน คาดว่าจะเห็นสำนักงานก.ล.ต.ออกหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการอนุญาตให้ผู้ลงทุนออกไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น ให้บล.ไทย ธนาคารไทย ออกไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น อย่างช่วงที่ผ่านมาจะเห็นบล. และธนาคารมาเลเซียเข้ามาทำธุรกิจในไทยมาก แต่บริษัทไทยยังไม่ค่อยเห็นออกไปลงทุนต่างประเทศหรือออกไปลงทุนใน AEC มากเท่าไหร่ ดังนั้น ก.ล.ต.ก็จะทยอยออกเกณฑ์พวกนี้ออกมาเพราะถ้าผู้ประกอบการไทยกระจายการลงทุนไปต่างประเทศก็จะลดเสี่ยงได้

ส่วนการเข้ามาลงทุนในตลาดทุนไทยและตลาดตราสารหนี้ไทยของนักลงทุนต่างชาติยังมีความจำเป็นเช่นกันเพราะเป็นการเพิ่มดีมานด์ในตลาด ตลาดทุนยังต้องการเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการลงทุนข้ามพรมแดนของไทยยังทำไม่สะดวกเพราะมี FX control แต่ปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้ผ่อนคลายเกณฑ์มากขึ้น ล่าสุด ก.ล.ต.ได้เจรจาขอให้ ธปท.จัดสรรวงเงินลงทุนต่างประเทศเพิ่มเป็น 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากก่อนหน้าอยู่ที่ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งไม่เพียงพอเพราะมีการออกกองทุนไทยไปลงทุนในต่างประเทศที่ผ่านมาใช้ไป 4 หมื่นล้านดอลลาร์ฯแล่ว ที่เหลือคงไม่เพียงพอจึงขอวงเงินเพิ่มเพราะมองว่าในอนาคตจำเป็นต้องเพิ่ม

ทั้งนี้ มองว่าวงเงินที่ขอเพิ่มอีก 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ จะรองรับการขยายตัวได้อีก 1 ปี ขณะเดียวกันในปี 59 ธปท.มีแผนจะให้รายย่อยลงทุนต่างประเทศได้เสรี เป็นสิ่งดีเพราะหากผู้ลงทุนสามารถกระจายการลงทุนไปที่ต่างๆ จะสามารถลดความเสี่ยงได้

นายทรงยศ กุลวิเชียร รองกรรมการผู้จัดการ บล.ไอร่า กล่าวว่า ปัจจุบันมีลูกค้าของบริษัทในต่างประเทศมีความสนใจทั้ง 3 แบบคือ การเสนอขายหุ้นและนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (primary listing) การออกและเสนอขายตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเท Depositary Receipt (DR) และการจดทะเบียน 2 ประเทศ (Duo listing) กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)โดยมีดีล primary listing จำนวน 1 ดีลเป็นบริษัทร่วมทุนเกาหลีและลาว สนใจเข้าเกณฑ์primary listing โดยเป็น Distribution รถยนต์ฮุนไดในประเทศลาว

ส่วนเกณฑ์ Duo listing มีลูกค้า 2-3 รายสนใจ เป็นบริษัทจากยุโรป สิงคโปร์ และเกาหลี อย่างดีลของบริษัทสิงคโปร์ที่จะทำ Duo listing ทำธุรกิจเทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งคาดว่าจะมีโอกาสเห็นดีล Duo listing ได้ก่อนเกณฑ์อื่นเพราะเกณฑ์นี้ได้ผ่านการคัดกรองเบื้องต้นมาแล้ว โดยคาดว่าจะได้เห็นในปีนี้

ส่วนการออก DR ที่จะนำหลักทรัพย์อ้างอิงเป็นหุ้นในตลาดใหญ่ชั้นนำของโลกที่นักลงทุนสนใจทั้งสหรัฐ ยุโรป สิงคโปร์มีโอกาสสูง

"โอกาสสูงที่จะเห็น primary listing และ Duo listing เกิดในปีนี้"นายทรงยศ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ