(เพิ่มเติม) SLP เคาะราคา IPO ที่ 2.16 บ./หุ้น ขาย 23-24,27 เม.ย. เข้าเทรด 7 พ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 30, 2015 14:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชูพงศ์ ธนเศรษฐกร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.คันทรี่ กรุ๊ป ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายสามัญเพิ่มทุนของบมจ.สาลี่ พริ้นติ้ง (SLP) กล่าวว่า จะเสนอขายหุ้นของ SLP จำนวน 420 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) หุ้นละ 2.16 บาท ซึ่งมีอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น(P/E Ratio) ที่ประมาณ 27 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับค่า P/E ของหุ้นในหมวดธุรกิจบรรจุภัณฑ์ในช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 32.68 เท่า คิดเป็นส่วนลดให้มากถึง 17.38%

ทั้งนี้ จะเสนอขายในวันที่ 23-24 เม.ย. และวันที่ 27 เม.ย.58 และคาดว่าหุ้นจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ในวันที่ 7 พ.ค.นี้

นายชูพงศ์ กล่าวต่อว่า การกำหนดราคา IPO ที่ 2.16 บาท/หุ้น หากคิดจาก EPS ของบริษัทงวดปี 57 ที่ 0.14 บาท/หุ้น ราคา IPO ที่ 2.16 บาท คิดเป็น PE ที่ 15 เท่า เมื่อเทียบกับ PE กลุ่มบรรจุภัณฑ์ที่ 30 เท่า ก็ยังมีส่วนลดให้ถึง 50% ซึ่งกำหนดราคาช่วงสัปดาห์ที่แล้วราคาที่เคาะเผื่อสำหรับดัชนีตลาดหุ้นที่ปรับลดลงมาแล้ว "ไม่กังวลเพราะบริษัททำธุรกิจสิ่งพิมพ์ที่มีคุณภาพสูง เป็น 1 ในบริษัทขนาดใหญ่สุดของไทยที่มีอยู่แค่ 2 บริษัท หากจะมีคู่แข่งใหม่เข้ามาจะยากเพราะต้องลงทุนสูง ขณะที่บริษัทมีผลประกอบการโตทุกปี มีกำไรต่อเนื่อง กำหนดราคา IPO ที่ 2.16 บาท/หุ้น เป็นราคาที่เหมาะสม เพราะเงินที่ได้จากการระดมทุน 800-900 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเพิ่มกำลังการผลิต อีกส่วนหนึ่งชำระหนี้เงินกู้ ก็จะทำให้ลดดอกเบี้ยจ่ายลง ลดค่าใช้จ่ายลง ปี 58 ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน กำไรก็น่าจะเพิ่มขึ้น"นายชูพงศ์ กล่าว ด้านนายเศวต นราธิปกร กรรมการผู้จัดการ SLP กล่าวว่า ปี 58 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% จากปี 57 ที่ 644 ล้านบาท เงินที่ได้จากการระดมทุนส่วนหนึ่งจะนำไปก่อสร้างโรงงานสร้างคลังสินค้าในพื้นที่เดียวกันราว 250 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 60-70% จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 7.88 ล้านตารางเมตร/ปี ซึ่งบริษัทใช้กำลังการผลิตที่อยู่ 86% หรือ 6.18 ล้านตารางเมตร/ปี โดยโรงานแห่งใหม่คาดก่อสร้างเสร็จปี 60 กำลังการผลิตใหม่จะเริ่มผลิตได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/60

ทั้งนี้ กำลังการผลิตใหม่จะเพิ่มขึ้นอีก 4 ล้านตารางเมตร/ปี โดยจะทยอยเพิ่มหลังผลิตเต็มที่ส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตที่ 12 ล้านตารางเมตร/ปี รองรับลูกค้าที่เติบโตต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ ทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ โดยลูกค้าเก่าของเราไม่มีการยกเลิกสัญญามานานกว่า 18 ปี ขณะที่ลูกค้ารายใหญ่ทั้ง 4 รายก็อยู่กับบริษัทส่งออร์เดอร์เข้ามาต่อเนื่อง และงานส่วนใหญ่เป็นงานล่วงหน้า 1 ปี

ในปีนี้คาดกำไรสุทธิจะสูงกว่าปีก่อนซึ่งเติบโตตามรายได้ โดยจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ 25-30% ใกล้เคียงกับปีก่อน และอัตรากำไรสูทธิไม่ต่ำกว่า 15% หรือที่ 15-25% "เข้าเทรดวันแรก ท่ามภาวะตลาดหุ้นไทยผันผวนไม่น่ากังวลเพราะเราเป็นหุ้นพื้นฐานดี มีกำไรมาตลอด มีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิทั้งหมด นักลงทุนไม่ต้องกังวล ขณะที่ปีนี้เมื่อได้เงินระดมทุนมาแล้วจะนำไปชำระหนี้ซึ่งบริษัทมีหนี้อยู่ 130 ล้านบาท เมื่อชำระหนี้แล้วต้นทุนดอกเบี้ยก็ลดลงซึ่งจะเห็นผลทันที ส่วนที่เหลือเป็นหนี้ที่ไม่มีดอกเบี้ยเช่นเจ้าหนี้การค้า ซึ่งหลังชำระหนี้จะทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (DE) ลดลงเหลือ 0.3 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.7 เท่า"นายเสวก กล่าว ทั้งนี้ จะเปิดให้จองซื้อสำหรับผู้ถือหุ้นของ SALEE (Pre-emptive Right) จำนวนไม่เกิน 126,707,006 หุ้น ระหว่างวันที่ 20 - 22 เมษายน 2558 ในอัตราส่วน 3 หุ้นสามัญของ SALEE ต่อ 1 หุ้นสามัญของ SLP ส่วนที่เหลือจากการจัดสรรตามสิทธิ Preemptive Right จำนวนทั้งสิ้น 293,292,994 หุ้น สำหรับส่วนของประชาชนทั่วไป จะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 23 – 24 และวันที่ 27 เมษายน 2558 และ คาดว่า SLP จะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2558 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “SLP" ซึ่งการเสนอขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ มีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย คือ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย), บล. เคที ซีมีโก้, บล. เอเชีย เวลท์ และ บล.ไอร่า

การระดมทุนในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีกับบริษัท เพราะจะทำให้การดำเนินธุรกิจหลังจากนี้จะมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดย SLP มีแผนที่จะนำเงินจากการระดมทุนไปก่อสร้างอาคารโรงงานและคลังสินค้า,ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจสามารถขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เป็นมา โดยบริษัทมีโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคตได้อีกมาก ตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภค รวมถึงอุตสาหกรรมเครื่องใช้ในครัวเรือนที่ยังเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี

การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือเป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจของบริษัท เพราะเป็นช่องทางในการบริหารเงินอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงได้รับความไว้วางใจจากคู่ค้าทางธุรกิจ เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร ทำให้ชื่อเสียงของ SLP เป็นที่ยอมรับและรู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ด้วยศักยภาพการขยายตัวทางธุรกิจ ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทีมงานมีประสบการณ์ ทำให้เชื่อมั่นว่าหุ้นน้องใหม่ SLP จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2555- 2557 มีอัตราการขยายตัวที่ดีต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมเท่ากับ 552.64 ล้านบาท, 717.27 ล้านบาท และ 644.91 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนกำไรสุทธิเท่ากับ 130.55 ล้านบาท, 163.80 ล้านบาท และ 92.82 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 23.62, ร้อยละ 22.84 และร้อยละ 14.39 ตามลำดับ

ปัจจุบัน SLP ดำเนินธุรกิจรับผลิตฉลากสินค้าและงานพิมพ์คุณภาพสูง โดยใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทันสมัย ส่งผลให้ฉลากที่ผลิตออกมามีคุณภาพสูง มีความละเอียดและสวยงาม ประกอบกับมีระบบการตรวจสอบคุณภาพและจำนวนของชิ้นงานหลังการผลิต ทำให้บริษัทสามารถจัดส่งสินค้าได้ครบถ้วนตามจำนวนและตรงกับคุณภาพที่ลูกค้ากำหนด ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทแบ่งออกตามคุณลักษณะและการใช้งานเป็น 3 ประเภทหลัก คือ 1)ฉลากสินค้าที่มีกาวในตัว (Self Adhesive Label) 2)ฉลากสินค้าแบบผนึกในแม่พิมพ์บรรจุภัณฑ์ (In-mould Label) และ 3) งานพิมพ์ผลิตภัณฑ์กระดาษที่ไม่มีกาว (Offset Printing)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ