"ปีนี้ยังคงเป้าหมายรายได้เติบโตมากกว่า 15% แต่ก็ต้องยอมรับว่าผลการดำเนินงานในไตรมาสแรก คาดว่าอาจจะไม่ค่อยดีมาก แต่ไตรมาส 2-4 จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากออเดอร์ที่มีการสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้น ในสินค้าตัวใหม่ที่ได้รับความนิยม อย่างระบบปรับอากาศที่น่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 50% ขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯมี Blacklog อยู่กว่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะมีการทยอยส่งมอบ 3-6 เดือน"นายวิรัฐกล่าว
ทั้งนี้ แผนการเข้าซื้อกิจการคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ใน 2-3 ปีนี้ โดยบริษัทฯได้ให้ความสนใจในธุรกิจปั๊มสูบน้ำดับเพลิง และงานรับเหมาระบบดับเพลิง ซึ่งบริษัทฯมีความพร้อมในด้านของเงินลงทุนที่มีความแข็งแกร่ง จากกระแสเงินสดที่มีอยู่ปัจจุบัน โดยไม่ต้องมีการเพิ่มทุน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้วางงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 50-100 ล้านบาท ในการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ และเชื่อมั่นว่าเข้าไปลงทุนดังกล่าวจะเป็นปัจจัยที่สำคัญในการผลักดันให้บริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อขยายธุรกิจไปในประเทศอาเซียน โดยเฉพาะประเทศกัมพูชา และพม่า ในรูปแบบของการจัดตั้งสาขา หรือจัดตั้งตัวแทนจำหน่ายสินค้า คาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนได้ภายใน 1-2 ปีนี้
"แผนงานในอนาคตก็กำลังมองอยู่ว่าอาจจะมีการขยายธุรกิจไปจำหน่ายในประเทศใกล้เคียง จากปัจจุบันเราก็มีการจำหน่ายสินค้าผ่านบริษัทผู้รับเหมา และขายตรงไปยังลูกค้าในประเทศแถบอินโดจีน ซึ่งเราก็อยู่ระหว่างศึกษาว่าจะสามารถเข้าไปตั้งสาขาหรือหาตัวแทนจำหน่ายเพิ่มเติมได้หรือไม่ ขณะที่ก็ดูกิจการที่เกี่ยวข้องกับวิศวกรรมที่เราสามารถเข้าไปลงทุนซื้อกิจการได้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม โดยเรามีความพร้อมในการลงทุนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าต้องพิจารณาความเหมาะสมก่อนว่าจะส่งผลดีต่อบริษัทหรือไม่ เพื่อให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดดไปได้"นายวิรัฐ กล่าว
สำหรับภาวะอุตสาหกรรมหรือทิศทางการก่อสร้างภาคเอกชนในปี 58 คาดว่าจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยจะเห็นได้ว่าพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างเริ่มมีการฟื้นตัวในไตรมาส 4/57 รวมถึงวัสดุก่อสร้างที่เริ่มมียอดขายฟื้นตัว ขณะที่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่มีความมั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาโครงการใหม่ๆ มากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะอาคารชุด เป็นผลจากการขยายโครงการรถไฟฟ้าที่ออกสู่ชานเมืองมากขึ้น มองว่าจะมี Supply เปิดขายสูงถึงราว 7-8 หมื่นยูนิต จากปี 57 ที่มีประมาณ 6.5-6.8 หมื่นยูนิต
ในขณะเดียวกันภาคอุตสาหกรรมได้รับใบอนุญาตก่อสร้างโรงงานจำนวนมากในรอบปีที่ผ่านมา โดยใน 7 เดือนแรก ทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศและกรมโรงงานอุตสาหกรรม สามารถออกใบอนุญาต รง.4 ให้ผู้ประกอบการได้แล้ว รวม 2,212 โรงงาน มูลค่าเงินลงทุน 221,314 ล้านบาท ประกอบกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ เช่น อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ รถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้ารางคู่ และสนามบินสุวรรณภุมิเฟส 2 ทำให้บริษัทฯเชื่อมั่นว่า กิจกรรมการก่อสร้างของภาคเอกชนและภาครัฐ จะทำให้ภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างมีการเติบโตได้ประมาณ 5-10%