ทั้งนี้แผนการดำเนินงานต่อเนื่องตลอดทั้งปี 58 บริษัทฯยังคงเดินหน้าขยายโครงข่าย 3G จากเดิมมีการครอบคลุมอยู่ 80% จะเพิ่มเป็น 95% ของประชากรทั้งหมด และเสริมประสิทธิภาพโครงข่าย 4G ให้มากขึ้น โดยมีแผนนำคลื่นความถี่ 1800 MHz เดิมนำมาใช้งานเพิ่มเติม
โดยเน้นการสร้างการเติบโตของรายได้จากการให้บริการ DATA มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา DTAC ได้ออกโปรโมชั่น Love&roll ซึ่งน่าจะเป็นตัวช่วยผลักดันรายได้ของ DATA monetization ได้ดียิ่งขึ้น ขณะที่ยอดขายของโทรศัพท์มือถือ (Handset) ก็มีการเน้นมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดต่างจังหวัดที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง บริษัทฯก็มีการเพิ่มโปรโมชั่นในการขายเครื่องมากขึ้นทั้งในระบบ 3G และ 4G เพื่อเพื่อจำนวนผู้ใช้งานที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงมีการนำเสนอเครื่องรุ่นใหม่ๆที่รองรับระบบ 4G ในราคาที่ถูกมากขึ้น
"เรายังคงดำเนินกลยุทธ์ที่เรียกว่า Internet For All ซึ่งจะทำให้ลูกสามารถเข้าถึงอินเทร์เน็ตได้ง่ายขึ้น โดยเรามีการเพิ่มเม็ดเงินลงทุนเป็น 18,000-20,000 ล้านบาท เพื่อขยายโครงข่าย 3G ให้ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งจะสามารถรองรับผู้ใช้งานได้ถึง 95% ของประชากรทั้งหมด ขณะเดียวกันก็จะเพิ่มคุณภาพโครงข่าย 4G มากขึ้น โดยจะนำคลื่น 1800 MHz เดิม มาจัดสรรเพิ่มในการให้บริการ 4G" นายชวลิตกล่าวสำหรับการขยายสถานีฐานคาดว่าปีนี้จะมีทั้งสิ้นราว 20,000 สถานีฐาน ทั้งในระบบ 4G และ 3G โดยปัจจุบันบนคลื่นความถี่ระบบ 4G มีสถานีฐานอยู่ประมาณ 3,000 สถานีฐาน ขณะที่ระบบ 3G แบ่งเป็น บนคลื่นความถี่ 1800 MHz อยู่ที่ 12,000 สถานีฐาน และบนคลื่นความถี่ 850 อยู่ที่ 6,000-7,000 สถานีฐาน
ฐานลูกค้าปัจจุบันมีอยู่ราว 28.4 ล้านราย มีการใช้งานบนระบบ 4G ปัจจุบันมีอยู่ราว 1 ล้านราย จากผู้ใช้งานที่มีเครื่องโทรศัพท์มือถือระบบ 4G อยู่ที่ 2.1 ล้านเครื่อง ซึ่งบริษัทฯก็จะผลักดันให้ลูกค้ามีการใช้บริการ 4G มากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายจะมีลูกค้าเพิ่มเป็นทั้งหมดในปีนี้ราว 2.5 ล้านราย
นายชวิต กล่าวว่า การประมูล 4G ที่น่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ตามที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)ได้กำหนดเอาไว้ สำหรับ DTAC ก็มีความพร้อมในการเข้าประมูลดังกล่าว โดยเงินที่จะนำไปประมูลนั้น มองว่าน่าจะมาจากกระแสเงินสดที่มีอยู่ การกู้ยืมจากสถาบันการเงิน รวมไปถึงน่าจะมีการออกหุ้นกู้