PK ลุ้นกลับเข้าเทรดเร็วๆ นี้หาก ตลท.ไม่มีข้อติดขัดตรวจงบฯสัปดาห์หน้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 13, 2015 17:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายแสงชัย โชติช่วงชัชวาล กรรมการผู้จัดการ บมจ.พัฒน์กล(PK) คาดว่าจะสามารถนำหุ้น PK กลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้อีกครั้งในเร็วๆ นี้ หลังจากผ่านการพิจารณาในขั้นตอนของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)แล้ว เหลือแต่เพียงการเตรียมส่งงบการเงิน แบบรายงานการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม(แบบ 56-1) เสนอต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) โดยคาดว่าจะส่งข้อมูลทั้งหมดได้ในสัปดาห์หน้า
"คุณสมบัติที่จะกลับเข้ามาเทรดครบหมดแล้ว ขณะนี้เหลือการประเมินวิเคราะห์งบการเงิน แบบ 56-1 คาดส่งตลาดหลักทรัพย์ได้สัปดาห์หน้า ถ้าพิจาณาแล้วไม่มีข้อสงสัย ก็น่าจะไม่ติดขัดอะไรแล้ว"นายแสงชัย กล่าว

ผลประกอบการของบริษัทในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนในปี 58 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมใกล้เคียงกับปีก่อนที่ทำได้กว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีงานในมือ(backlog)ราว 1,600 ล้านบาทที่จะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ทั้งหมด ส่วนกำไรสุทธิน่าจะต่ำกว่าปี 57 ที่มีกำไร 229 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้จะมีค่าเสื่อมที่เพิ่มขึ้นเป็นค่าเสื่อมจากที่บริษัทลงทุนไปแล้ว และมีการลงทุนเพิ่มขึ้นในปีนี้

นอกจากนั้น ในปีนี้ยังมีเรื่องค่าใช้จ่ายด้านทรัพยากรบุคคลเพิ่มขึ้นจากการที่ต้องส่งวิศวกรไปประจำที่สำนักงานต่างประเทศร่วม 100 คน และจะมีค่าใช้จ่ายการจัดการด้านต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากปีนี้บริษัทจะโฟกัสขยายการลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะในอาเซียนธุรกิจขยายตัวค่อนข้างมาก เพราะเศรษฐกิจเติบโตกว่าของไทยเกือบทุกประเทศ

"ปีนี้ที่คาดรายได้เท่าปีก่อน เพราะเศรษฐกิจในประเทศไม่ดี รายได้ในประเทศอาจลดลง แต่จะเพิ่มการส่งออกมากขึ้น โดยปีนี้คาดสัดส่วนรายได้จากการส่งออกจะเพิ่มมากว่า 25% จากปี 57 อยู่ที่ 22%....ปีนี้จะเน้นต่างประเทศมากกว่า ในประเทศจะไม่เยอะเพราะรายได้คนต่างจังหวัดลดลงธุรกิจที่เกี่ยวกับการบริโภคในประเทศลดลง เพราะจากการประมาณการจีดีพีของไทยปีนี้เติบโตราว 3% ขณะที่อาเซียนโตมากกว่า ทั้งอินโดฯ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เฉลี่ยโตราว 5-6% จึงมองการโตในภูมิภาคมากกว่าไทย"นายแสงชัย กล่าว

นอกจากนั้น งานต่างประเทศยังให้อัตรากำไรสุทธิมากกว่าในประเทศ โดยมาร์จิ้นของงานในประเทศจะเป็นตัวเลขหลักเดียว ขณะที่งานต่างประเทศให้อัตรากำไรเป็นตัวเลข 2 หลัก เนื่องจากในประเทศมีการแข่งขันที่สูงกว่า และไทยก็เปิดกว้างให้กับนักลงทุนต่างประเทศ ดังนั้น บริษัทตั้งเป้าในอีก 5-7 ปีข้างหน้า สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มเป็นมากกว่า 50% จากเดิม 20% ภายใต้คาดการณั์ตราการเติบโตของตลาดต่างประเทศราว 7-10% ต่อปี

นายแสงชัย กล่าวว่า บริษัทเตรียมงบลงทุนในปีนี้ราว 200 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาทางเลือกระหว่างการขยายธุรกิจในหรือต่างประเทศเป็นลำดับแรก หากตัดสินใจขยายตลาดต่างประเทศ ก็อาจจะไปสร้างโรงงานในประเทศอินโดนีเซียหรือฟิลิปปินส์ เพื่อรองรับตลาดอาเซียน เพราะปัจจุบันสัดส่วนส่งออกราว 20% ของรายได้รวม เป็นการส่งออกในตลาดอาเซียนถึง 80% อีก 20% เป็นตลาดอื่นๆ

"เราเตรียมเงินลงทุนไว้ 100-200 ล้านบาท ปีนี้แผนลงทุนมีหลายเรื่องขอดูสถานการรณ์ก่อนสรุป กำลังดูว่าจะลงทุนในหรือต่างประเทศก่อนดี คาดใน 3 เดือนนี้จะสรุปได้ว่าจะลงทุนที่ไหน ขนาดเท่าไร หรือจะลงทีละเฟส เพราะเงื่อนไขของแต่ละประเทศมีข้อจำกัดต่างกัน ขณะนี้บริษัทมีเงินสดเพียงพอ โดยมีกระแสเงินสด 400 กว่าล้านบาท ยังไม่ได้ใช้เงินกู้" นายแสงชัย กล่าว

ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีธุรกิจหลักรองรับอุตสาหกรรมอาหารและส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ได้แก่ กลุ่มธุรกิจเครื่องทำความเย็น กลุ่มธุรกิจอาหารเหลว กลุ่มธุรกิจวิศวกรรมแปรรูปอาหาร และกลุ่มธุรกิจเครื่องทำน้ำแข็ง ซึ่งมีสัดส่วนรายได้เท่าๆ กัน

ส่วนแผนการตั้งสำนักงานในตะวันออกกลางนั้น คงต้องเลื่อนออกไปจากปีนี้ เพราะราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง แต่ในปลายปี 57 บริษัทได้เปิดสำนักงานในประเทศพม่าได้แล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ