NOBLE รับปีนี้ขาดทุนเหตุสร้างล่าช้า-รายได้ต่ำกว่าปีก่อน/เชื่อปีหน้าพลิกฟื้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 3, 2015 15:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีรพล วรนิธิพงศ์ ผู้อำนวยการโครงการ บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์(NOBLE) เปิดเผยว่า การดำเนินงานของบริษัทในปีนี้จะมีผลขาดทุน เนื่องจากไม่มีกำหนดโอนโครงการคอนโดมิเนียมให้กับลูกค้า จากความล่าช้าในการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากการได้รับใบอนุญาตรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA)ใช้ระยะเวลานานและมีการปรับแก้ค่อนข้างมาก ซึ่งส่งผลต่อเนื่องไปยังการส่งมอบโครงการและการรับรู้รายได้ของบริษัทที่ต้องเลื่อออกไป ทำให้รายได้ของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 2.35 พันล้านบาท

“ปีนี้ขาดทุนแน่นอน เพราะว่าไม่มีโครงการโอนเลยปีนี้ ถ้าจะมีก็แค่โครงการแนวราบที่จะเปิดนิดหน่อย ที่ไม่มีโครงการโอนเพราะมันล่าช้าไปหมด จาก EIA ที่รอนานและแก้ไขบ่อย ทำให้ทุกอย่างเลื่อนไปหมด โครงการส่วนใหญ่ก้จะไปโอนเป็นปีหน้า มองแนวโน้มปีหน้าอาจจะกลับมามีกำไรได้ แต่ปีนี้ก็จะขาดทุน ซึ่งไตรมาส 1 ที่ผ่านมาเราก็ขาดทุนแล้ว"นายธีรพล กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าในปีหน้าจะพลิกกลับมามีกำไร โดยขณะนี้บริษัทมียอดขายรอโอน(Backlog)มูลค่าราว 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ส่วนใหญ่ในปี 59 และจะทยอยโอนไปถึงปี 61

ขณะที่บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้ที่ 1 หมื่นล้านบาท มาจากยอดขายของโครงการในมือราว 2 พันล้านบาท ปัจจุบันเหลืออยู่ 1 พันล้านบาท ส่วนยอดขายจากโครงการใหม่จำนวน 8 พันล้านบาท และล่าสุดวันนี้บริษัทเปิดโครงการใหม่เป็นโครงการแรกในปีนี้ คือ โครงการคอนโดมิเนียม BE 33 สุขุมวิท 33 มูลค่า 3.3 พันล้านบาท เป็นอาคารสูง 31 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 277 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 210,000 บาทต่อตารางเมตร เปิดจองวันที่ 21 มิถุนายน 58 โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายในวันแรกราว 3.3 พันล้านบาท

ด้านนายกิตติ ธนากิจอำนวย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NOBLE กล่าวเสริมว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.37 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบกว่า 1 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นคอนโดมิเนียม 2-3 โครงการ โดยจะเปิดตัวในครึ่งปีหลังอีก 3 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 1 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1-2 โครงการ

ทั้งนี้ แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ของไทยในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าจะสดใสโดยพาะในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากการเมืองนิ่งและภาวะเศรษฐกิจของประเทศคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรกที่ยังชะลอตัว ประกอบกับการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆของรัฐที่คาดว่าจะออกมามากในช่วงครึ่งปีหลัง จะช่วยกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชน และช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโตขึ้น ขระที่กำลังซื้ออาจจะดีขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ