ในครั้งนี้ได้มีการสำรวจประสบการณ์การลงทุนของนักลงทุนในกองทุนรวมทั่วโลกกว่า 25 ประเทศ ทั้งใน อเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชียและแอฟริกา และผลการสำรวจในครั้งนี้ประไทศไทยได้รับคะแนนในระดับ C+ โดยที่ เกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา นั้นถูกยกให้เป็นประเทศที่มีสภาพการลงทุนในกองทุนรวมที่ดีสุด ขณะที่ประเทศจีน นั้นอยู่ในลำดับสุดท้าย
หลักเกณฑ์ในการพิจารณาในงานวิจัยนี้ประกอบไปด้วย 4 องค์ประกอบหลักได้แก่ 1. การกำกับดูแลและภาษี 2. มาตราฐานการเปิดเผยข้อมูล 3. ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียม 4. การซื้อขายหน่วยลงทุนและบทบาทของสื่อ โดยทาง มอร์นิ่งสตาร์ จะให้คะแนนดีไปยังประเทศที่มีการปรับกฏเกณฑ์และการกำกับดูแลได้เป็นอย่างดี รวมถึงการเรียกเก็บภาษีการลงทุนในระดับต่ำ มีค่าธรรมเนียมที่ถูก มีความหลากหลายในช่องทางการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน รวมทั้งบทบาทการเสนอข่าวของสื่อที่จะเป็นตัวช่วยให้ข้อมูลและความรู้ที่มีผลต่อการตัดสินใจในการลงทุน โดยข้อมูลดังกล่าวนี้เกิดจากการรวมรวมจากฐานข้อมูลกองทุนในระบบของมอร์นิ่งสตาร์ และข้อมูลจากทีมนักวิเคราะห์ของบริษัทฯที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก
นายกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ นักวิเคราะห์กองทุนประจำประเทศไทย กล่าวว่า ผลการวิจัยสำหรับประเทศไทยโดยสังเขป นักลงทุนกองทุนรวมในประเทศไทยได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากนโยบายเรื่องการยกเว้นภาษีเงินได้จากการลงทุนในกองทุนรวม รวมทั้งมาตรฐานในการเปิดเผยข้อมูลที่พัฒนามากขึ้นสู่ระดับสากล อาทิ หนังสือชี้ชวนส่วนสรุปที่ล่าสุดได้มีการปรับปรุงให้มีข้อมูลที่เป็นมาตราฐานมาขึ้นอีกทั้งยังง่ายต่อความเข้าใจ รวมทั้งมาตราฐานในการเปิดเผยข้อมูลพอร์ตโฟลิโอการลงทุนได้ถูกยกระดับให้เป็นการเปิดเผยแบบรายไตรมาสซึ่งจะเริ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2558 เป็นต้นไป
ในเรื่องของกฎเกณฑ์ในการลงทุน ประเทศไทศยังคงมีข้อจำกัดอยู่มากเมื่อเปรียบเทียบประเทศอื่นๆ อาทิ จำนวนกองทุนในต่างประเทศที่สามารถเปิดให้นักลงทุนเลือกลงทุนที่ยังมีอยู่น้อย ถึงแม้ว่าจะมีการทำข้อตกลงระหว่าง 3 ประเทศ ไทย สิงคโปร์ และ มาเลเซียในเรื่องของ ASEAN CIS
กองทุนรวมในประเทศไทยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายสูงกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆในงานวิจัย โดยเฉพาะกองทุนในกลุ่มกองทุนตราสารทุนและกองทุนตลาดเงิน อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายของกองทุนตราสาหนี้ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ
ช่องทางการซื้อขายหน่วยลงทุนและบทบาทของสื่อในประเทศ ยังมีข้อจำกัดอยู่พอสมควรเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องช่องทางการซื้อขายหน่วยลงทุนที่มีอยู่อย่างจำกัดซึ่งจากผลงานวิจัยระบุว่า มีจำนวนน้อยกว่า 20% ของกองทุนรวมในประเทศไทยที่ถูกขายผ่านระบบเปิด หรือ open-architecture system
สรุปผลการจัดอันดับของผลงานวิจัยสำรวจประสบการณ์การลงทุนของนักลงทุนทั่วโลกมีดังต่อไปนี้
Korea: A
United States: A
The Netherlands: A-
Taiwan: A-
United Kingdom: B+
Sweden: B
Australia: B-
Denmark: B-
Finland: B-
Norway: B-
Switzerland: B-
Canada: C+
Germany: C+
India: C+
New Zealand: C+
Thailand: C+
Belgium: C
France: C
Hong Kong: C
Singapore: C
South Africa: C
Spain: C
Italy: C-
Japan: C-
China: D+
สำหรับผลงานวิจัยในครั้งนี้ ได้มีการนำดัชนีการมีเสรีภาพทางสื่อมวลชน The World Press Freedom Index เพิ่มเข้ามาร่วมพิจารณาในหัวข้อการซื้อขายหน่วยลงทุนและบทบาทของสื่อ อีกทั้งยังมีการเพิ่มการพิจารณาในส่วนของการเปิดเผยข้อมูลพอร์ตโฟลิโอการลงทุน และเป็นครั้งแรกที่ได้มีการทำการศึกษาประเทศฟินแลนด์
สรุปประเด็นที่น่าสนใจจากผลงานวิจัยในครั้งนี้มีดังต่อไปนี้ ประเทศเกาหลีใต้ ได้รับคะแนนในระดับ A ในครั้งนี้เนื่องจาก การพัฒนาที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในเรื่องของมาตราฐานการซื้อขายหน่วยลงทุน
สหรัฐอเมริกา ยังคงรักษาอันดับคะแนนสูงสุดเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันที่คะแนนในระดับ A โดยมีจุดเด่นในเรื่องของค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่ถูกและมีมาตราฐานการเปิดเผยข้อมูลที่ค่อนข้างสูง
เนเธอร์แลนด์ได้รับคะแนนสูงมากขึ้นจาก B เมื่อผลการศึกษาครั้งที่แล้วมาอยู่ในระดับ A- ในครั้งนี้จากการพัฒนาในเรื่องของค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่ถูกและมาตราฐานการซื้อขายหน่วยลงทุน โดยเฉพาะเรื่องของการห้ามที่ปรึกษาการลงทุนรับค่าคอมมิสชั่น
ประเทศฟินแลนด์ได้รับคะแนนระดับ B- แสดงให้เห็นถึงมาตราฐานที่ได้รับการพัฒนาในระดับเดียวกันกับกลุ่มประเทศในยุโรปอื่นๆ
และ ประเทศจีนได้รับการจัดอันดับคะแนนต่ำสุด D+ เป็นผลมาจากการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆในระดับสูง ข้อจำกัดที่มีมากต่อการลงทุนในต่างประเทศ รวมทั้งการห้ามขายกองทุนที่จดทะเบียนในต่างประเทศ
นับตั้งแต่ผลการศึกษาในครั้งที่แล้ว พบว่า นิวซีแลนด์ได้มีการยกระดับการเปิดเผยข้อมูลพอร์ตการลงทุนเป็นแบบรายครึ่งปี ส่วนในประเทศไทยก็เช่นกัน ได้มีการปรับเกณฑ์ให้มีการเปิดเผยข้อมูลในส่วนนี้เป็นแบบรายไตรมาส ทั้งนี้ออสเตรเลียยังคงเป็นประเทศเดียวที่ยังไม่มีการกำหนดให้เปิดเผยข้อมูลในส่วนดังกล่าว อย่างไรก็ตามผลงานวิจัยยังพบว่า กองทุนในหลายประเทศมีการเปิดเผยข้อมูลพอร์ตโฟลิโอการลงทุนมากกว่าที่เกณฑ์กำหนดไว้โดยหลายกองทุนเริ่มมีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเป็นแบบรายเดือน
ผลการวิจัยพบว่าเกือบทุกประเทศในผลงานวิจัยนี้ได้มีการพัฒนากฎเกณฑ์ในการลงทุนอย่างต่อตลอด 2 ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นความกระตือรือล้น การเอาใจใส่อย่างต่อเนื่องของผู้กำกับดูแลของแต่ละประเทศ (regulators) และผลการวิจัยยังพบว่า 22 จาก 25 ประเทศที่ได้ทำการศึกษานี้ ผู้ลงทุนมีธนาคารและบริษัทประกันเป็นช่องทางหลักในการซื้อขายหน่วยลงทุน