AOT-AAV-BH-CENTEL-MINT ดีดกลับแรงแม้เมอร์ส-ICAOกดดัน มองแนวโน้มระยะยาวดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 22, 2015 11:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้นหลักในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการพบผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์สเป็นรายแรกของไทยและการที่องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ICAO)ปักธงแดงประเทศไทยเนื่องจากปัญหามาตรฐานด้านการบินเมื่อสัปดาห์ก่อน ดีดตัวขึ้นแรงในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่โบรกเกอร์มองว่าเป็นเพียงปัจจัยลบระยะสั้น แต่แนวโน้มในระยะยาวยังเติบโตได้ดี

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 11.28 น.

AOT บวก 1.72% อยู่ที่ 295.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท

AAV บวก 2.37% อยู่ที่ 4.32 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท

BH บวก 0.28% อยู่ที่ 179.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

CENTEL บวก 2.86% อยู่ที่ 36.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

MINT บวก 2.68% อยู่ที่ 28.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท

บล.ทิสโก้ คงมุมมองการอ่อนตัวของตลาดหุ้นไทยเป็นจังหวะทยอยสะสม โดยมองกรณีการระบาดของโรคเมอร์ส และกรณีที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ICAO)ขึ้นธงแดงไทย เป็นแค่ปัจจัยชั่วคราวและมีผลกระทบจำกัด แนะระยะยาวยังดีแม้นักลงทุนจะรู้สึกควรหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวในขณะนี้ แต่เชื่อว่าแนวโน้มที่ดีในระยะยาวยังเป็นค้ำจุนราคาหุ้นได้อยู่

จากการศึกษาความเคลื่อนไหวราคาหุ้นในอดีตช่วงโรค SARS กลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจะปรับตัวลงหนักสุดในช่วง 2-3 สัปดาห์แรก และจะค่อยๆ ดีขึ้นในสัปดาห์ต่อๆ มา

ยังคงประมาณการและยังคงแนะนำ"ซื้อ"บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) มูลค่าเหมาะสม 330 บาท และบมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) 6.35 บาท ขณะที่ยังแนะนำ "ถือ"บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) 32 บาท, บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) 31 บาท และ บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) 165 บาท

ด้านนางสาวนวลพรรณ น้อยรัชชุกร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า การลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงแรม/ท่องเที่ยว ยังมี Sentiment เชิงลบ จากปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสเมอร์ส ซึ่งยังประเมินได้ค่อนข้างยาก โดยยังต้องติดตามการระบาดหรือแพร่เชื้อดังกล่าวว่าอยู่ในระดับใด หากการแพร่ระบาดของไวรัสในกรณีที่ไม่สามารถควบคุมได้ ก็น่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความอ่อนไหวต่อเหตุการณ์สูง เช่น จีน ญี่ปุ่น และ เกาหลี

ทั้งนี้ เมื่อประเมินเป็นหุ้นรายตัว มองว่า ERW ถือว่ามีความเสี่ยงสูงสุดจากสัดส่วนรายได้โรงแรมในไทยมากถึง 90% และ MINT เสี่ยงน้อยสุด เนื่องจากสัดส่วนรายได้โรงแรมในไทยมีเพียง 20% ของรายได้รวม ขณะที่ CENTEL ก็มีการกระจายตัวของธุรกิจโรงแรม,อาหาร ซึ่งมีรายได้จากโรงแรมราว 52% ที่เหลือจะเป็นธุรกิจอาหาร

นอกจากนี้ ผลประกอบการในไตรมาส 2/58 ของกลุ่มโรงแรม/ท่องเที่ยว คาดว่าไม่น่าจะมีผลกระทบมากนัก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสเมอร์สเพิ่งเริ่มเข้ามาในช่วงเดือน มิ.ย.นี้ และเมื่อมองไปยังในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมาถือว่ายังมีการเติบโตที่ดีเมื่อเทียบไตรมาส 2/58 กับช่วงเดียวกันของปีก่อน ก็ยังเห็นการเติบโตของกำไรสุทธิ แต่ยังต้องติดตามไตรมาส 3/58 ต่อ

"ก็อาจจะกดดันการเคลื่อนไหวของหุ้น แต่เราก็มองว่าน่าจะเป็นในระยะสั้นเท่านั้น ถ้าเกิดดูตัวเลขจริงๆ ไตรมาส 2/58 ก็เป็นช่วงโลซีซั่นอยู่แล้ว และเมื่อเทียบกับเหตุการณ์โรคระบาด เช่น โรคซาร์ ไข้หวัดนก ส่วนใหญ่เวลาเกิดขึ้นก็น่าจะกระทบไป 4-5 เดือน และหลังจากนั้นเหตุการณ์ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ แต่ดูจากแนวโน้มแล้วก็ไม่น่าจะมีเหตุการณ์ที่รุนแรง เชื่อว่าจะควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ภาคการท่องเที่ยวถือว่าเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทย ทางภาครัฐไม่น่าจะปล่อยเหตุการณ์นี้มากระทบ" นางสาวนวลพรรณ กล่า พร้อมทั้ง แนะนำลงทุนระยะยาว โดยเลือกหุ้นที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด ได้แก่ MINT


แท็ก AOT  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ