เอเชียพลัส คาดปรับลดกำไรสุทธิของบจ.ลงราว 3-4% กลุ่มแบงก์-พลังงานฉุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Sunday July 12, 2015 14:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.เอเชียพลัส (ASPS) คาดปรับลดกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียนราว 3-4% จากนักวิเคราะห์ของ ASPS ได้ทำตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 2/58ของกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อย่างธนาคารพาณิชย์ และพลังงาน พบว่าทั้งสองอุตสาหกรรมน่าจะมีฐานกำไรที่ปรับตัวลงจากไตรมาส 1/58 อีกทั้งยังส่งสัญญาณลบหลายประการออกมา ทำให้ต้องทำการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิลง

โดยกลุ่มธนาคารณิชย์ ปรับลดประมาณกำไรลดลง 9% หรือประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท ขณะที่กลุ่มพลังงานได้ปรับลดประมาณการกำไรของ PTTEP ลง 32% และ PTT 7.2%ทำให้ประมาณการกำไรโดยรวมของกลุ่มพลังงานลดลงราว 13.2% ทั้งนี้กลุ่มอุตสาหกรรมที่เหลือน่าจะเห็นการปรับประมาณการกำไรหลังการประกาศงบการเงินไตรมาส 2/58 (กลางเดือนส.ค.)

"จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนน่าจะถูกปรับลดลงราว 3-4%จากประมาณการเดิม ซึ่งอาจทำให้กำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 58 ลงมาอยู่ในช่วง 91.5 - 92.5 บาท/หุ้น และหากกำหนดระดับ PER เป้าหมายของ SET Index ก็น่าจะอยู่ประมาณ 1,460 - 1,480 จุด"บทวิจัยบล.เอเชียพลัสระบุ

สำหรับท่าทีชัดเจนของรัฐบาลที่ต้องการใช้เงินลงทุนจากภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยดำเนินการ 2 ส่วนสำคัญคือการเร่งรัดการบิกจ่ายงบลงทุนของปีงบประมาณปัจจุบัน และการเพิ่มงบประมาณในปีถัดๆไปโดยในปี 2558/59 งบลงทุนเพิ่มขึ้น 20% เป็น 5.4 แสนล้านบาท นอกจากนี้แนวทางในการจัดทำงบประมาณปี 59/60 กระทรวงการคลังมีแนวทางที่จัดทำงบแบบขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 4%ของ GDP เทียบกับปี 58/59 ที่ขาดดุล 2.9% ซึ่งก็น่าจะทำให้งบจ่ายเงินลงทุนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สถานการณ์แวดล้อมดังกล่าว Sentiment เชิงบวกในภาคก่อสร้าง โดยจะทำให้เกิดความคาดหวังจะเห็นการขับเคลื่อนการลงทุนขนาดใหญ่ออกมาสู่ระบบมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีโครงการที่ผ่าน EIA และพร้อมเปิดประมูลคิดเป็นมูลค่า 3.78 แสนล้านบาท สถานการณ์เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง เลือก TASCO(FV@27.50) และ CK (FV@31.25)

ส่วนการประชุมผู้นำ 12 ก.ค.นี้จะเป็นจุดตัดสินว่ากรีซ จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5.35 หมื่นล้านยูโรเพื่อชำระหนี้หรือไม่ หลังจากรัฐบาลกรีซได้ยื่นร่างปฏิรูปฯฉบับใหม่ให้กับเจ้าหนี้ TROIKA พิจารณา อย่างไรก็ตามแม้เจ้าหนี้จะเห็นชอบ แต่อาจจะต้องเผชิญการต่อต้านจากประชาชนกรีซ เนื่องจากผลประชามติที่โหวตว่าประชาชนไม่ยอมรับมาตรการรัดเข็มขัด

ขณะที่ปัญหาของการปรับฐานรุนแรงของตลาดหุ้นจีนก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มูลค่าตลาดหายไป 3.3 ล้านล้านเหรียญ แม้ตลาดจะเริ่มมีสัญญานฟื้นตัว ขึ้นได้บ้างในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลจีน รวมถีงกองทุนต่างๆที่ออกมาตรการเพื่อควมคุมแรงขายหุ้น รวมถึงการจัดตั้งกองทุนคอยพยุงหุ้นไม่ให้ปรับลงหนักกว่านี้ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ เนื่องจากมาตรการต่างๆถือกำหนดขึ้นมาถือเป็นการแทรกแซงกลไกตลาดซึ่งจะมีผลในช่วงระยะสั้น เมื่ออิทธิพลของมาตรการต่างๆ เบาลงตลาดหุ้นก็อาจกลับมาผันผวนได้อีก สิ่งที่ต้องระวังคือการปรับลดลงของราคาหุ้นที่เกิดขึ้นมาสาเหตุจากการเปราะบางทางเศรษฐกิจ หรือจะส่งผลกรทบเศรษฐกิจหรือจะส่งผลกระทบไปยังภาคเศรษฐกิจที่แท้จรืงหรือไม่ ในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ