(เพิ่มเติม) โฆษกตร.ยันพบพิรุธแก้เอกสารโอนหุ้น"ชูวงษ์"ทั้ง 2 โบรกฯ-เบอร์โทรบุคคลอื่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 11, 2015 16:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์เช้านี้ถึงความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างว่า หลักฐานเอกสารที่เกี่ยวกับการโอนหุ้นที่ได้รับจากโบรกเกอร์ทั้งสองรายที่นายชูวงษ์เปิดบัญชีไว้พบว่ามีการลบข้อความเดิมและกรอกข้อความใหม่ทับลงไปด้วยปากกาคนละด้ามกับลายเซ็นต์ของนายชูวงษ์ รวมทั้งหลักฐานการบันทึกเบอร์โทรศัพท์ที่ยืนยันการโอนหุ้นไม่ใช่เบอร์ของนายบชูวงษ์ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดด้วยความรอบคอบมากที่สุดก่อนที่จะมีการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
"เราสนใจขั้นตอนการตรวจสอบครั้งสุดท้ายก่อนบันทึกการโอนหุ้น ส่วนหนึ่งมีการปลอม ส่วนหนึ่งเป็นการเซ็นบนกระดาษเปล่า ผ่านการเขียนและลบข้อความมมาแล้ว ลายเซ็นต์และข้อความใช้ปากกาคนละด้าม คุณชูวงษ์เป็นคนละเอียดเอกสารสำเนาทุกชิ้นต้องมีการเซ็นยืนยัน แต่รายละเอียดในเอกสารการโอนหุ้นถูกลบและมากรอกใหม่ ทั้งเอกสารของ AEC และ RHBOSK ข้อความใช้ปากกาคนละชนิด เมื่ออ่านด้วยเครื่องเอกซเรย์ก็เห็นข้อความเดิมทั้งหมด"พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าว

ก่อนเสียชีวิต นายชูวงษ์ได้เปิดบัญชีเพื่อการซื้อขายหุ้นไว้กับโบรกเกอร์ 2 แห่งคือ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค(ประเทศไทย)(RHBOSK) และ บล.เออีซี(AEC) โดยบัญชีที่ RHBOSK มีการซื้อหุ้น บมจ.พลังงานบริสุทธิ์(EA) มูลค่าประมาณ 228 ล้านบาท ถูกโอนไปที่พริตตี้ที่กำลังตั้งครรภ์ 7 เดือนและอ้างว่าท้องกับนายชูวงษ์ แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลทั้งสองค่อนข้างไกลกัน อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่ตัดโอกาสที่จะตั้งท้องกับนายชูวงษ์ออกไป

ส่วนอีก 2 บัญชีที่เปิดไว้กับ AEC บัญชีแรกมีมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินลงขันของเพื่อนร่วมรุ่นของนายชูวงษ์ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร(วปอ.) ที่มีเจ้าหน้าการตลาดชื่อ"โจ๊ก"ดูแลอยู่ ซึ่งยังไม่ได้ถูกโอนออกไป และ บัญชีที่ 2 มีเจ้าหน้าที่การตลาด(มาร์เก็ตติ้ง)สาวเป็นผู้ดูแล มูลค่าประมาณ 40 ล้านบาทมีหุ้นอยู่ในพอร์ต 3 ตัว ซึ่งถูกโอนไปให้กับมารดาของมาร์เก็ตติ้งคนดังกล่าว และอ้างว่านายชูวงษ์ให้โดยเสน่หา

พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ตำรวจได้รับเอกสารหลักฐานจาก RHBOSK ครบถ้วนแล้ว เหลือแต่ในส่วนของ AEC ที่ยังรออยู่อีกบางส่วน ขณะที่ฝ่ายตรวจสอบหลักฐานก็จะเพิ่มรอบของการตรวจสอบอีกจนกว่าจะแน่ใจเกิน 100% จึงจะมีการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ซึ่งไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาว่าจะต้องเป็นในเมื่อใด เพื่อให้คดีมีความรัดกุมมากที่สุด

"ทุกอย่างต้องรอบคอบหลักฐานต้องรัดกุม อาจจะเพิ่มรอบของการตรวจสอบอีกครั้ง ตรวจสอบองค์ประกอบของความผิดให้ดี ไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ เมื่อพิจารณารอบคอบ และประชุมร่วมกันแล้วว่ามั่นใจเกิน 100% ก็จะออกหมายจับ"พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าว

และเมื่อช่วงบ่ายวันนี้เจ้าหน้าที่ AEC จำนวน 3 คน พร้อมทนายความเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อให้ปากคำตามหมายเรียก โดยนำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการเปิดพอร์ตของนายชูวงษ์ ตั้งแต่เริ่มเข้ามาเล่นหุ้นกับทางบริษัทฯ รวมถึงข้อมูลการซื้อขายหุ้นต่าง ๆ และรายละเอียดการโอนหุ้นของนายชูวงศ์ทุกตัวมามอบให้พนักงานสอบสวนด้วย

ด้านพนักงานสอบสวน กล่าวว่า ได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ของ AEC เกี่ยวกับการเล่นหุ้นของนายชูวงษ์ และพฤติกรรมการซื้อ-ขายหุ้นเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับลักษณะการโอนหุ้นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาทให้กับ 2 สาวคนสนิทว่ามีความแตกต่างกันหรือไม่ รวมถึงขอบเขตและอำนาจการแก้ไขเอกสารการโอนหุ้นของลูกค้าว่าอยู่ในความรับผิดชอบของผู้บริหารระดับใด

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของ AEC ทั้ง 3 คนและทนายความปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ