PF เผยปีนี้กำไรมีโอกาสทำนิวไฮ แม้ลดเป้ารายได้หลังปรับลดโครงการใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 20, 2015 17:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีรธัชช์ สิงห์ณรงค์ธร ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มสนับสนุน บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค(PF)เปิดเผยว่า กำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้มีโอกาสทำสถิติสูงสุด หลังควบรวมกับบมจ.ไทย พร็อพเพอร์ตี้ (TPROP) และบมจ.แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ (GRAND) จากปีก่อนบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 398.80 ล้านบาท เนื่องจากครึ่งแรกของปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิแล้ว 520.49 ล้านบาท

แม้ว่าบริษัทจะตัดสินใจปรับลดเป้ารายได้ในปีนี้ลงเหลือ 1.43 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 1.7 หมื่นล้านบาท รับผลการเลื่อนเปิดโครงการแนวราบที่สร้างเสร็จพร้อมขายและสามารถทยอยโอนได้ทันทีจำนวน 5 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียมอีก 2 โครงการที่ยางนาและงามวงศ์วานออกไป เนื่องจากสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการชะลอตัวลง และกำลังซื้อมีการชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ขณะที่โครงการที่เลื่อนเปิดตัวออกไปเป็นโครงการที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนทำเลใกล้แนวรถไฟฟ้า ซึ่งมีความเสี่ยงในเรื่องการขายในภาวะขณะนี้

ดังนั้น ในปีนี้บริษัทจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 15 โครงการ มูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าเปิดตัว 22 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.6 หมื่นล้านบาท โดยในครึ่งปีหลังบริษัทจะเปิดโครงการแนวราบใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 1.38 พันล้านบาท โครงการแนวราบส่วนต่อขยาย 6 แห่ง มูลค่า 8.38 พันล้านบาท และเปิดคอนโดมิเนียมใหม่ 1 โครงการ มูลค่า 1.4 พันล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้ายอดขายในปีนี้ที่ 1.67 หมื่นล้านบาท โดยในช่วง 7 เดือนแรกบริษัททำยอดขายได้แล้วเกือบ 8 พันล้านบาท และมีมูลค่ายอดขายรอโอน(Backlog)อยู่ที่ 7.93 พันล้านบาท โดยจะรับรู้เป็นรายได้ภายในปีนี้ 3 พันล้านบาท

นายธีรธัชช์ กล่าวว่า สำหรับแผนการขายที่ดินมูลค่า 900 ล้านบาทนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ที่สนใจ คาดว่าจะสามารถขายที่ดินดังกล่าวได้ตามแผนอย่างแน่นอน ส่วนการนำโครงการหอพักนักศึกษา Uniloft เชียงใหม่จัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) มูลค่า 500 ล้านบาทในปลายปีนี้นั้น บริษัทได้มีการเปลี่ยนแผนดังกล่าวด้วยการเจรจาเสนอขายให้กับหน่วยงานภาครัฐที่สนใจ 1 ราย แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถให้ความมั่นใจได้ว่าจะมีข้อสรุปได้เมื่อใด

"การที่บริษัทเปลี่ยนแผนมาขายแทนการจัดตั้งกองรีท เนื่องจากการขายเองจะได้กำไรดีกว่าการจัดตั้งกอง REIT เพราะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่ต่ำกว่า"นายธีรธัชช์ กล่าว

พร้อมกันนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศเข้ามาเสริมศักยภาพ (Strategic Partner) ของบมจ.วีรีเทล (WR) ซึ่งเป็นบริษัทที่ PF ถือหุ้นในสัดส่วน 93% เนื่องจาก WR ยังมีหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง(PP)ที่รอเสนอขายราว 2 พันล้านหุ้น และบริษัทวางแผนจะนำ WR กลับเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯอีกครั้งในปี 59

"ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการพูดคุยกับตลาดหลักทรัพย์ฯในการขอการขยายเวลาเพื่อสร้างผลการดำเนินงานให้กลับมีกำไรติดต่อกัน 4 ไตรมาส ซึ่งปัจจุบัน WR อยู่ระหว่างการสร้างการเติบโต ปัจจุบันยังมีผลการดำเนินงานขาดทุนอยู่ เป็นผลมาจากโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ที่กัลปพฤกษ์ยังสร้างไม่เสร็จ และจะสร้างเสร็จและเปิดการดำเนินงานในไตรมาส 4/58 และจะเริ่มมีรายได้เข้ามา"นายธีรธัชช์ กล่าว

ส่วนโครงการในอนาคตของ WR วางแผนปรับปรุงอาคารห้างสรรพสินค้าโรบินสันสีลมเดิมให้เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/59, โครงการคอมมูนิตี้มอลล์ 2 โครงการทำเลรัชดาฯ 2 โครงการ คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/61, โครงการคอมมนิตี้มอลล์ย่านนานา คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/60, โครงการปรับปรุงพื้นที่เช่าในอาคารโรบินสันอโศก คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/63

และโครงการ Mixed use ขนาดใหญ่ บนพื้นที่ 30 ไร่ ที่ศรีราชา จ.ชลบุรี ภายใต้ชื่อ"ดีว่า ฮาเบอร์"ซึ่งจะมีศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และโรงแรม ซึ่งจะร่วมกับพันธมิตรอีก 2 รายในการพัฒนาโครงการดังกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ