(เพิ่มเติม) FVC มั่นใจปีนี้กำไรดีกว่าปีก่อน,เล็งส่งบ.ย่อยเข้าตลาดหุ้นใน 3-5 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 15, 2015 12:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ฟิลเตอร์ วิชั่น(FVC)มั่นใจว่ากำไรในปีนี้จะเติบโตดีกว่าปีก่อนที่มีกำไรราว 12 ล้านบาท แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะมีกำไรเพียง 1.5 ล้านบาท เนื่องจากงานต่างๆล่าช้าออกไป แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังยอดขายจะดีขึ้น และทั้งปีนี้น่าจะจ่ายเงินปันผลได้ไม่ต่ำกว่าปีก่อน ขณะที่บริษัทเตรียมจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อทำธุรกิจในกลุ่มคลีนิกเวชกรรมเฉพาะทาง ซึ่งคาดหวังจะส่งเข้าตลาดหุ้นภายใน 3-5 ปี

นายวิจิตร เตชะเกษม ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ ของ FVC เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีแรกบริษัททำกำไรได้ไม่มากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลต่อยอดขายในช่วงครึ่งปีแรก และศูนย์การค้าขนาดใหญ่ชะลอกำหนดเปิดให้บริการมาเป็นช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทเชื่อว่าผลประกอบการจะออกมาดีกว่าครึ่งปีแรก

บริษัทยังเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 3 รายการ ซึ่งเป็นเครื่องบำบัดน้ำบริสุทธิ์ชนิดพิเศษเกรดพรีเมี่ยม รวมถึงเครื่องทำน้ำแข็ง ซึ่งเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงเพื่อกระตุ้นยอดขาย ขณะที่คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังจะได้รับประโยชน์จากการเปิดศูนย์การค้าใหม่ๆอีกหลายแห่ง โดยลูกค้าหลักของบริษัทจะเป็นร้านค้าในศูนย์การค้า ทำให้มีความมั่นใจรายได้ปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่จะเติบโต 18-20% จากปีก่อนที่ทำได้ 363.27 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่คาดว่าจะดีกว่าปีก่อน รวมทั้งเชื่อว่าจะสามารถจ่ายปันผลได้ไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่จ่ายในอัตรา 0.042 บาท/หุ้น โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากปันผลไม่ต่ำกว่า 1.64% ในปีก่อน

"บริษัทมั่นใจว่ากำไรสุทธิปีนี้จะมากกว่าปีก่อน แม้ครึ่งปีแรกจะมีกำไรไม่มากนัก แต่ในช่วงครึ่งปีหลังเราเชื่อว่าผลประกอบการจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากศูนย์การค้าที่ชะลอไปจะเริ่มทยอยเปิดในช่วงครึ่งปีหลัง และเรายังมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆที่จะช่วยผลักดันให้ผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมายด้วย"นายวิจิตร กล่าว

นายยวิจิตร กล่าวว่า สำหรับธุรกิจการแพทย์ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่นั้น บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยภายใต้ชื่อ บริษัท เคที เมดิคอล เซอร์วิส จำกัด (KTMS) อยู่ระหว่างขอใบอนุญาตเปิดคลีนิกเวชกรรมเฉพาะทางด้านไตเทียม ซึ่งจะเริ่มขยายสาขาในช่วงปลายปีนี้ ใช้งบลงทุนราว 50 ล้านบาท/สาขา คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงต้นปี 59 ซึ่งบริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจดังกล่าวเป็น 30-40% พร้อมทั่งมีแผนจะพัฒนาธุรกิจเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯภายใน 3-5 ปี โดยการปรับเพิ่มโครงสร้างธุรกิจครั้งนี้เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง และเพิ่มความหลากหลายทางธุรกิจ ซึ่งมองว่ากลุ่มธุรกิจแพทย์เฉพาะทางยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

สำหรับที่มาของเงินลงทุนบริษัท จะใช้เงินหมุนเวียนจากการดำเนินงาน รวมถึงปัจจุบันมีหนี้สินต่อทุน (D/E) เพียง 0.18 เท่า ซึ่งยังมีความสามารถกู้จากสถาบันทางการเงินได้อีก

นายวิจิตร กล่าวถึงข่าวลือในช่วงที่ผ่านมาเกี่ยวกับการขายธุรกิจหรือจะมีผู้มาเทคโอเวอร์นั้น บริษัทยืนยันว่าไม่มีแผนดังกล่าวอย่างแน่นอน ขณะที่การเข้ามาซื้อหุ้น FVC ของนายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ทำให้ถือรวมปัจจุบันกว่า 5% เนื่องจากมั่นใจในธุรกิจของบริษัท โดยเฉพาะการขยายไลน์ไปยังกลุ่มการแพทย์ ปรกอบกับมีความรู้จักสนิทสนมกันมาเป็นเวลานานแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ