ทริสฯ เชื่ออันดับเครดิตแบงก์ทิสโก้ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้ SSI

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 24, 2015 13:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งมีความเห็นว่า อันดับเครดิตของธนาคารทิสโก้ไม่ได้รับผลกระทบจากการเสื่อมถอยลงของสินเชื่อในกลุ่มลูกหนี้ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี(SSI) ซึ่งส่งผลให้ธนาคารต้องตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มเติม ทั้งนี้ ธนาคารได้จัดชั้นกลุ่มลูกหนี้ SSI ซึ่งเป็นกลุ่มลูกหนี้รายใหญ่ของธนาคารให้เป็นหนี้ด้อยคุณภาพเมื่อเร็ว ๆ นี้ และส่งผลให้ธนาคารต้องตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มเติมประมาณ 1.5 พันล้านบาทในไตรมาสที่ 3 ของปี 2558 ธนาคารได้ตั้งสำรองไว้แล้วบางส่วนในอดีตสำหรับกลุ่มลูกหนี้ SSI และแม้ว่าการตั้งสำรองเพิ่มเติมในครั้งนี้จะทำให้กำไรสุทธิในปี 2558 ของธนาคารลดต่ำลงกว่าการคาดการณ์ของทริสเรทติ้ง แต่การลดลงของกำไรจะเกิดขึ้นเฉพาะในปีนี้เท่านั้น นอกจากนี้ เงินกองทุนของธนาคารยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง อีกทั้งธนาคารยังคงมีความได้เปรียบในการแข่งขันในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ รวมทั้งคุณภาพสินเชื่อที่ยังอยู่ในระดับที่ดีกว่าระดับเฉลี่ยของอุตสาหกรรมแม้ว่าจะเสื่อมถอยลงไปบ้าง

กลุ่มลูกหนี้ SSI ซึ่งประกอบไปด้วย SSI และบริษัทย่อยคือ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ยูเค จำกัด (SSI UK) ได้กู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์ไทย 3 แห่งเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นประมาณ 5 หมื่นล้านบาท โดย ณ เดือนมิถุนายน 2558 ธนาคารทิสโก้ได้ให้สินเชื่อแก่กลุ่มลูกหนี้ดังกล่าวประมาณ 4.4 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 1.8% ของสินเชื่อรวมของธนาคาร ทั้งนี้ SSI UK ได้ประกาศปิดโรงงานผลิตเหล็กขนาดใหญ่ในประเทศอังกฤษเป็นการชั่วคราวเพื่อปรับปรุงการดำเนินงานและฐานะทางการเงินซึ่งเป็นไปตามแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่มลูกหนี้สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ส่งผลให้ธนาคารต้องตั้งสำรองเพิ่มเติมประมาณ 1.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์การตั้งสำรองของธนาคารแห่งประเทศไทย และจะส่งผลให้กำไรสุทธิของธนาคารในปี 2558 ลดต่ำกว่าประมาณการของทริสเรทติ้ง อย่างไรก็ตาม การตั้งสำรองดังกล่าวจะเกิดขึ้นในปี 2558 เท่านั้นและไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสถานะเครดิตของธนาคาร

ธนาคารทิสโก้ยังคงมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และมีคุณภาพสินเชื่อที่ดีแม้ว่าจะเสื่อมถอยลงไปบ้างในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยธนาคารมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมเท่ากับ 2.6% ณ เดือนมิถุนายน 2558 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าระดับเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 3.0% นอกจากนี้ เงินกองทุนของธนาคารยังแข็งแกร่งขึ้นจากการเพิ่มทุนในช่วงปี 2556-2557 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงและเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 เท่ากับ 13.13% และ 17.54% ตามลำดับ ทั้งนี้ การตั้งสำรองเพิ่มเติมสำหรับลูกหนี้ด้อยคุณภาพรายใหญ่กลุ่มนี้ไม่น่าส่งผลกระทบอย่างมากต่อสถานะเงินกองทุนของธนาคาร โดยเงินกองทุนตามกฎหมายจะยังคงเพียงพอต่อการขยายสินเชื่อในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

ธนาคารทิสโก้เป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้น 99.99% โดย บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป(TISCO) ทั้งนี้ กลุ่มทิสโก้มีสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 9 จากธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งสิ้น 17 แห่ง ณ เดือนมิถุนายน 2558 โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อ 2.3% และเงินรับฝาก 1.7% ธนาคารทิสโก้ซึ่งเป็นธนาคารหลักของกลุ่มทิสโก้มุ่งเน้นในตลาดลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ได้แก่ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ โดย ณ เดือนมิถุนายน 2558 สินเชื่อรถยนต์มีสัดส่วนใหญ่ที่สุดในพอร์ตสินเชื่อ (62%) ทั้งนี้ ธนาคารเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อรถยนต์รายใหญ่อันดับ 4 จากผู้ประกอบการ 16 แห่งในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้ง โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 11% ณ สิ้นปี 2557

ปัจจุบัน ทริสเรทติ้งให้อันดับเครดิตแก่ธนาคารทิสโก้ที่ระดับ “A" สำหรับอันดับเครดิตขององค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และอันดับเครดิตที่ระดับ “A-" สำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิ และ อันดับเครดิตที่ระดับ “BBB+" สำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ