WHA ตั้งเป้ารายได้ปี 59-63 เฉลี่ย 2 หมื่นลบ./ปี เตรียมส่ง บ.ย่อยเข้าตลาดหุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 1, 2015 16:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางจรีพร อนันตประยูร กรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) กล่าวว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้ 5 ปีข้างหน้า (59-63) จะเติบโตขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่าปีละ 20,000 ล้านบาท จากปีนี้ยังคงเป้าหมายรายได้ราว 1.9 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิก็จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากยอดขายพื้นที่คลังสินค้าสำเร็จรูปน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 200,000 ตร.ม. และจะมีพื้นที่คลังสินค้ารวมทั้งสิ้น 2 ล้าน ตร.ม.

นางจรีพร กล่าวว่า การเติบโตของ WHA จากนี้ไปจะมาจาก 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค, ธุรกิจโลจิสติกส์, ธุรกิจคลังสินค้าประเภท Built to Suit และธุรกิจดิจิตอล ซึ่งบริษัทมีแผนจะทำให้สัดส่วนรายได้ประจำ(recurring income) กับรายได้ที่ไม่ใช่ประจำ (non Recurring) เป็น 50:50 จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 55:45

ขณะที่ธุรกิจดิจิตอลนั้น บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศหลายรายเพื่อตั้ง Data Center คาดว่าจะสรุปความชัดเจนได้ในช่วงสิ้นเดือน ต.ค.58 ซึ่ง WHA มีนโยบายถือหุ้นในสัดส่วนที่มากกว่า 50% อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจดังกล่าวจะทำผ่านบริษัทย่อย คือ WHA Infonit โดยจะทำเป็นศูนย์ข้อมูลเพื่อรองรับการใช้งานของลูกค้าของบริษัทที่เช่าคลังสินค้า รวมถึงลูกค้าภาครัฐด้วย

"เราวางแผนการเติบโตของรายได้ 5 ปีไว้ จะเติบโตอย่างน้อยปีละ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมาจาก 4 ธุรกิจหลัก คือ พลังงานและสาธารณูปโภค โลจิสติกส์ คลังสินค้า และดิจิตอล โดยจากนโยบายภาครัฐที่ออกมาในเรื่องของซุปเปอร์ คลัสเตอร์ บริษัทมองว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะทำให้เกิดการลงทุนในธุรกิจยานยนต์ โลจิสติกส์ และดิจิตอล"นางจรีพร กล่าว

ส่วนธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภคนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาร่วมกับพันธมิตรยุโรปเพื่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะ ขนาดกำลังการผลิต 40 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนราว 6,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA)กับภาครัฐ คาดว่าจะดำเนินการได้ต้นปีหน้า และจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในปี 60 ซึ่งบริษัทคาดหวังจะมีผลตอบแทนจากการลงทุน(IRR)มากกว่า 10%

พร้อมกันนั้น WHA ยังเตรียมยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง)ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อนำบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภคเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงต้นปี 59 และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าเทรดได้ในช่วงไตรมาส 4/59

ปัจจุบัน บริษัทมีการดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าบ้างแล้ว กำลังการผลิตราว 318 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซและไอน้ำ และจะมีการลงทุนเพิ่มเติมอีกราว 220 เมกะวัตต์ อีกทั้งก็มีโครงการโซลาร์รูฟอีก 5 เมกะวัตต์ และมีพื้นที่หลังคาสามารถขยายเพิ่มเติมได้อีกเกือบ 200 เมกะวัตต์ แต่ต้องรอความชัดเจนจากการสนับสนุนของภาครัฐ รวมถึงยังมีธุรกิจน้ำใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ปีละกว่า 2,000 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิราว 30-40%

ด้านธุรกิจคลังสินค้าประเภท Built to Suit และ Warehouse Farm ในประเทศ ก็ยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากลูกค้าหลักที่เป็นภาคธุรกิจขนาดใหญ่

นางจรีพร ยังกล่าวถึงการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถสรุปความชัดเจนการเข้าไปลงทุนคลังสินค้าในประเทศเวียดนามได้ภายใน 2-3 ปีจากนี้ โดยมองว่าเวียดนามมีการพัฒนามากขึ้น โดยเฉพาะจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ทำให้ความน่าสนใจของการเข้าไปลงทุนมีมากขึ้นตามไปด้วย ประกอบกับ พื้นที่คลังสินค้าในอินโดนีเซีย ขณะนี้อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาเพื่อทำการขายพื้นที่ทั้งสิ้น 3 หมื่น ตร.ม. และน่าจะมีการขยายพื้นที่เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และสิทธิการเช่า ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) อย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 4/59 บริษัทฯเตรียมขยายกองทุนอีก มูลค่าราว 4,600 ล้านบาท จากเดิมที่ขายสินทรัพย์ไปแล้วมูลค่าประมาณ 4,400 ล้านบาท รวมเป็น 9,000 ล้านบาท คาดว่าจะเสนอขายหน่วยเพิ่มทุนได้ในเดือนธ.ค.58 ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นไฟลิ่งต่อ ก.ล.ต.

รวมทั้งอยู่ระหว่างเตรียมการนำเสนอข้อมูลของหน่วยทรัสต์ เพื่อการลงทุนในกองทรัสต์อสังหาริมทรัพย์และสิทธิเช่าดับบลิวเอชเอ บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ (WHABT) มูลค่าไม่เกิน 2,525 ล้านบาท ให้กับนักลงทุนทั่วไป และเตรียมความพร้อมก่อนการเสนอขายกองรีทส์ประเภทออฟฟิศให้เช่ารายแรกของประเทศไทย เปิดจองซื้อภายในเดือนต.ค.นี้

นางจรีพร กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทจะดำเนินการถอนหลักทรัพย์บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน (HEMRAJ) ออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนได้ในช่วงต้นเดือน ก.พ.59 และในเดือน ธ.ค.นี้ จะมีการยื่นขออนุญาตจาก ก.ล.ต. และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เพื่อให้ธุรกิจมีความชัดเจนมากขึ้น และมีความโปร่งใสและคล่องตัวในการขยายกิจการในอนาคต

ด้านนายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHA กล่าวว่า บริษัทเชื่อมั่นว่ายอดขายพื้นที่คลังสินค้าสำเร็จรูปในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 200,000 ตร.ม. โดยในช่วง 9 เดือนแรก บริษัทมียอดขายพื้นที่คลังสินค้าแล้วประมาณ 150,000 ตร.ม. ส่งผลให้บริษัทมั่นใจว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทจะสามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องเกินเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน

สำหรับธุรกิจให้เช่าอาคารสำนักงาน“SJ Infinite I Business Complex"ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นมี่อาคารสำนักงานอยู่ที่ประมาณ 70% ของพื้นที่ทั้งหมด 21,500 ตร.ม.สูงกว่าเป้าหมายที่เคยประเมินไว้ที่ 35-40% สาเหตุหลักมาจากการการมีทำเลที่ตั้งที่ดีมาก สามารถเดินทางเข้าถึงได้ทั้งรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน เป็นอาคารสำนักงานระดับเกรด A แต่ราคาถูก และตอบโจทย์ตรงตามความต้องการของลูกค้า

โครงการ SJ Infinite I Business Complex เป็นอาคารสำนักงานให้เช่า 30 ชั้น ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 3 ไร่ 1 งาน 45.5 ตารางวา มีพื้นที่ใช้สอยรวมประมาณ 45,000 ตารางเมตร และพื้นที่ให้เช่ารวมประมาณ 21,500 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่ให้เช่าในส่วนออฟฟิศ จำนวน 19,700 ตารางเมตร และพื้นที่ให้เช่า retail อีกจำนวน 1,800 ตารางเมตร อยู่ระหว่างเตรียมเสนอขายเข้ากองรีท WHABT และโครงการอาคารบางนา บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ แบบ Built-to-suit ขนาด 10,000 ตร.ม. รวมพื้นที่ให้เช่าส่วนออฟฟิศ 31,000 ตร.ม.โดยมูลค่ากองทุน มูลค่าไม่เกิน 2,525 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ