บล.โกลเบล็ก มอง SET Index ในกรอบ 1,390-1,420 จุด ไร้ปัจจัยใหม่-จับตาเฟด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 12, 2015 11:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก(GBS) กล่าวว่า แนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทย ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆมากระตุ้น แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่พร้อมจะเพิ่มวงเงิน QE เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนและกระตุ้นอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้า โดยคาดว่าจะรู้ผลการพิจารณาในการประชุมของธนาคารกลางยุโรปในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งปัจจุบันมีการใช้มาตรการ QE ประมาณ 60,000 ล้านยูโร/เดือนจนถึงเดือนกันยายน 2559

อีกทั้งการเปิดประมูล 4G ของ กสทช.ได้ตามกำหนดการ และการเข้าสู่ Season ในการซื้อ LTF RMF เพื่อลดหย่อนภาษี รวมถึงค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่องหนุนภาคการส่งออกในไตรมาสสุดท้ายของปี 58

ส่วนปัจจัยที่มองว่าจะกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้คือ กรณีที่เฟด เริ่มส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป 15 – 16 ธันวาคม นี้ หลังจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนตุลาคม ปรับตัวสูงขึ้น 271,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ 5.0% ซึ่งต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจจีน เช่น ยอดการค้าระหว่างประเทศ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม การนำเข้า ส่งออก ชะลอตัวลงต่อเนื่อง นอกจากนี้ การประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2558 ของหุ้นกลุ่มพลังงานที่มีผลงานปรับตัวลดลงส่งผลกระทบต่อ EPS ของภาพรวมของ SET และทำให้ P/E ของ SET แพงขึ้นเป็นราว 20 เท่า จากเดิมอยู่ที่ระดับ 18 เท่า

ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET ว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยจะยังคงแกว่งตัวในกรอบ 1,390 – 1,420 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน อีกทั้งความกังวล FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า 15 – 16 ธ.ค.นี้ อีกทั้งยังคงเป็นแรงกดดันให้ Fund Flow ต่างชาติเป็นฝั่ง Net Sell หุ้นและ TFEX

อย่างไรก็ตามการเดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทั้งการเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ และการประมูลคลื่น 4G รวมถึงเม็ดเงิน LTF/RMF ที่จะทยอยเข้ามาในช่วงปลายปีจะเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อทิศทางการลงทุนในช่วงถัดไป ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุน Selective Buy หุ้นในกลุ่มที่มีปัจจัยบวก เช่น SIRI , TVT, KAMART, MTLS SYNTEC และ EPG ซึ่งคาดว่ากำไรในไตรมาส 3/2558 เติบโตในทิศทางที่ดี และหุ้นที่อยู่ในช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ อย่างกลุ่มการท่องเที่ยว เช่น AOT, CENTEL และ MINT กลุ่มค้าปลีก เช่น CPN ROBINS และกลุ่มผู้ประมูล 4G คลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ราคาทองคำยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องจากแรงกดดันแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินช่วงเดือนธันวาคม หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรปรับเพิ่มขึ้น 271,000 ตำแหน่งในเดือนตุลาคมซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 183,000 ตำแหน่ง และเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2557

ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง จากข้อมูลจ้างงานล่าสุดที่ออกมาแข็งแกร่งทำให้เพิ่มน้ำหนักมากขึ้นที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงการประชุมเดือนธันวาคม นอกจากนี้ นายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตัน เปิดเผยว่ามีโอกาสมากขึ้นที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในเดือนธันวาคม เมื่อพิจารณาจากความคืบหน้าทางเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้องกับความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดระดับสูงหลายท่านรวมถึงประธานเฟดที่ได้ให้ความเห็นออกมาก่อนหน้านี้ จากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำ

ดังนั้น ประเมินแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิคราคาทองเริ่มทรงตัวและพักฐานออกข้างแกว่งตัวในกรอบแคบๆหลังลงมาจบรูปแบบลง ROUNDING TOP ขณะที่ค่าสัญญาณ RSI มีภาวะ OVER SOLD รวมถึงราคามีภาวะลงแรงมากเกินไปเกิดขึ้น จากสัญญาณที่เกิดขึ้นทำให้ราคามีโอกาสจบรอบขาลงช่วงสั้นๆและมีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิค อย่างไรก็ตามจากแรงกดดันสัญญาณ DEAD CROSS และแนวโน้มลงที่ยังคงอยู่จะสร้างแรงกดดันให้ราคาแนวโน้มปรับขึ้นช่วงสั้นๆเท่านั้นเพื่อลดภาวะลงแรงมากเกินไปก่อนปรับลงอีกครั้ง แนวรับ 1,075 -1,070 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,120 -1,125 เหรียญต่อทรอยออนซ์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ