บล.เอเชีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินหุ้น TNP ด้วยมูลค่าพื้นฐานปี 2559 อิง DCF (WACC 9.4%, TV Growth 2.5%) อยู่ที่ 2.2 บาท เทียบเท่า PER ที่ 30 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยกลุ่มค้าปลีก และยังต่ำกว่าหุ้นในกลุ่มที่อยู่ในช่วงการเติบโตสูง ซึ่งซื้อขายสูงเกือบ 40 เท่า
ทิศทางกำไรช่วง 3 ปีจากนี้ (2559 – 2561) คาดจะเป็นยุคของการเติบโตแท้จริงเฉลี่ย 32% ต่อปี ผลักดันจากการเปิดสาขาเชิงรุกต่อจากนี้ โดยปี 2559 เปิด 3 แห่งและเปิดต่อเนื่องช่วงหลังจากนี้ หนุนให้รายได้เพิ่มขึ้นปีละ 19% (CAGR) ขณะที่อัตราการทำกำไรคาดจะเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ตามสัดส่วนสินค้ากลุ่มขายปลีกสูงขึ้น และประสิทธิภาพการดำเนินงานที่สูงขึ้น จากการเปิดศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ที่ออกแบบให้เหมาะกับธุรกิจ รวมถึง จะเริ่มเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการประหยัดจากขนาด ขณะที่ ทิศทางกำไรในระยะสั้นงวดไตรมาส 4/58 คาดจะเป็นจุดสูงสุดของปี จากผลของฤดูกาลและรับเงินสนับสนุนกระตุ้นยอดขายจากซัพพลายเออร์สูง และผลบวกจากการเปิดสาขาในปีนี้ 2 แห่ง
TNP เป็นผู้ประกอบการร้านค้าปลีกรูปแบบซุปเปอร์มาร์เก็ตในจังหวัดเชียงราย โดยมีสาขา 11 แห่งและค้าส่ง 1 แห่ง ทั้งนี้ แม้จะเป็นอุตสาหกรรมที่อยู่ท่ามกลางโมเดิร์น เทรดรายใหญ่ทั่วไป แต่ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่มองเห็นแนวโน้มล่วงหน้า จึงมีการปรับตัว อาศัยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพแบบโมเดิร์นเทรด แต่คงความคล่องตัวและยืดหยุ่นเหมือนร้านโชห่วย ถือเป็นต้นแบบของร้านโชห่วยทั่วประเทศ และมี Brand perception ที่แข็งแกร่งมากในจังหวัดเชียงราย ในฐานะร้านขายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูกที่อยู่คู่เชียงรายมา 50 ปี และยังมีโอกาสเติบโตสูงจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจของเชียงราย โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและการค้าชายแดน ที่อยู่ในทิศทางขาขึ้น