หุ้น DTAC อยู่ที่ 33 บาท ลดลง 5 บาท(-13.16%)มูลค่าซื้อขาย 159.85 ล้านบาท
หุ้น INTUCH อยู่ที่ 54.75 บาท ลดลง 7.75 บาท(-12.40%)มูลค่าซื้อขาย 473.03 ล้านบาท
หุ้น JAS อยู่ที่ 4.06 บาท ลดลง 0.72 บาท(-15.06%)มูลค่าซื้อขาย 349.94 ล้านบาท
หุ้น TRUE อยู่ที่ 6.55 บาท ลดลง 0.70 บาท(-9.66%)มูลค่าซื้อขาย 310.36 ล้านบาท
ขณะที่เมื่อเวลา 10.01 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,270.80 จุด ลดลง 14.12 จุด(-1.10%)
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะให้"ลดน้ำหนัก"กลุ่มสื่อสารจาก Overweight เป็น Underweight จาก Growth story ที่หายไปเพราะราคาประมูล 900MHz ที่สูงถึงใบละ 75,654 ล้านบาท (JAS ชนะประมูล) และ 76,298 ล้านบาท (TRUE ชนะประมูล) และผู้ชนะประมูลมีฐานะการเงินไม่แข็งแรงพอที่จะรองรับค่าเสื่อมราคาของใบอนุญาต 900MHz ปีละ 5 พันล้านบาท ยังไม่รวมเงินที่ต้องลงทุนเพิ่มและภาระดอกเบี้ยจ่าย ส่วน TRUE ที่ได้ 2 ใบอนุญาต (1800MHz ที่ประมูลในเดือนก่อน) ค่าเสื่อมฯของทั้ง 2 ใบอยู่ที่ปีละ 7.3 พันล้านบาท สูงกว่ากำไรสุทธิที่ทำได้ปีละ 4 พันล้านบาท
โดยคาดว่ากำไรของทั้งกลุ่มในปีหน้าจะหดตัว 6% Y-Y แทนที่จะโต 9% Y-Y และมีโอกาสที่ TRUE และ JAS จะเพิ่มทุน ส่วน ADVANC ยังคงเป็น Top pick เช่นเดิม แต่การประมูล 900MHz ไม่ได้ ทำให้ ADVANC ซึ่งยังมีลูกค้า 2G อยู่ในมือประมาณ 2 ล้านราย ต้องเช่าคลื่นจาก TOT ให้พอกับการให้บริการ ขณะเดียวกันต้องผลักดันให้ลูกค้า 2G หันไปใช้ 3G ให้ได้มากที่สุด เสน่ห์ของ ADVANC ด้อยลงจากเดิมที่เป็น Growth + High yield stock เหลือแต่ความเป็น High yield stock โดยปรับราคาเป้าหมายปีหน้าของ ADVANC เหลือ 250 บาทจาก 270 บาท ยังคงคำแนะนำซื้อลงทุน ขณะที่ DTAC น่าจะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในแง่ฐานลูกค้าที่เป็นอันดับ 2 ให้ TRUE และผลประกอบการจะหดตัวต่อไป
ด้านบล.กรุงศรี ระบุว่า ภาพกลุ่มสื่อสารไม่สดใสหลังประมูล 4G TRUE และ JAS ชนะเหนือความคาดหมาย Downgrade to Underweight : การประมูลคลื่น 900MHz JAS ชนะประมูลใบอนุญาตใบที่ 1 ที่ราคา 7.56 หมื่นล้านบาท และ TRUE ชนะประมูลใบอนุญาตที่ 2 ที่ราคา 7.63 หมื่นล้านบาท ซึ่งผลที่ออกมาเป็นปัจจัยลบที่ผิดคาด ซึ่งมองว่าผลการประมูลที่ออกมาเป็นกรณีเลวร้ายที่สุด
ทั้งนี้ คิดว่าผู้เล่นรายใหม่ (JAS) ต้องการพันธมิตรที่แข็งแกร่ง และต้องเล่นกลยุทธ์ด้านราคา เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดจากผู้เล่นรายอื่นเนื่องจากตลาดการให้บริการมือถือในบ้านเราอิ่มตัวแล้ว โดยมี penetration rate เกินกว่า 100% โดยคาดว่าจะเห็นการแข่งขันด้านการตลาด และอัดโปรโมชั่น รวมถึงการอุดหนุนค่าเครื่องจะทวีความรุนแรงมากขึ้น และมองว่าภาพของกลุ่มสื่อสารในระยะยาวไม่สดใสเหมือนเดิม ผู้ประกอบการรายเดิมน่าจะถูกกระทบจากการสูญเสียส่วนแบ่งตลาด ในขณะที่รายได้ต่อหัวผู้ใช้บริการ และอัตรากำไรก็น่าจะลดลง โดยคาดว่า DTAC จะถูกกระทบมากที่สุด จึงปรับลดคำแนะนำกลุ่มสื่อสารเป็นต่ำกว่าตลาด (จากเดิมเท่ากับตลาด) โดยคาดว่าการมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาจะทำให้มีการ de-rate กลุ่มสื่อสารอีกหลายรอบ
ด้านบล.โกลเบล็ก มีความเห็นว่า จากการชนะประมูลคลื่น 900MHz จะทำให้ผู้ชนะมีภาระค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาตปีละประมาณ 5 พันล้านบาทซึ่งปัจจุบัน TRUE และ JAS มีศักยภาพในการทำกำไรไม่สูงนัก รวมถึง ADVANC คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ที่ลดลงหลังจากเสียลูกค้าบนคลื่น 900MHz รวมถึงเสียจุดแข็งของบริษัทที่มีคลื่นให้บริการในชุมชนที่ห่างไกล จึงทำให้ในระยะสั้นเป็นแรงกดดันกับผลประกอบการ
อย่างไรก็ตาม DTAC แม้จะมีแรงกดดันจากคลื่นสัมปทานที่จะหมดอายุในปี 61 ทั้ง 850/1800MHz ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นและเป็นแรงกดดันต่อราคาหุ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลประกอบการยังคงทรงตัว และบริษัทจ่ายปันผลต่อเนื่องทุกไตรมาส หากราคาปรับตัวลงแนะนำ"ซื้อรับปันผล" ซึ่ง ณ ราคาปัจจุบันคิดเป็นอัตราปันผลที่ราว 8% ต่อปี
ล่าสุดเมื่อ 18 ธ.ค.58 หุ้น DTAC ปิดที่ 38 บาท ลดลง 4.25 บาท(-10.06%)
หุ้น ADVANC ปิดที่ 193.00 บาท ลดลง 6 บาท(-3.02%)
หุ้น TRUE ปิดที่ 7.25 บาท ลดลง 0.10 บาท(-1.36%)
หุ้น JAS ปิดที่ 4.78 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง