สำหรับหุ้นเพิ่มทุนดีงกล่าวจะจัดสรรหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 2,211,419,375 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) ในสัดส่วน 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.40 บาท ส่วนที่เหลือจะรองรับการแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ PSTC-W1 จำนวนไม่เกิน 442,283,875 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท ให้กับผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในอัตรา 5 หุ้นสามัญ ต่อ 1 หน่วยใบแสดงสำคัญสิทธิ ในราคา 0.50 บาทต่อหุ้น
นายพระนาย กล่าวว่า การที่ผู้ถือหุ้นเห็นชอบแผนลงทุนและแผนเพิ่มทุนในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในทิศทางการดำเนินงานของ PSTC ต่อจากนี้ ที่ต้องการรุกขยายธุรกิจครั้งใหญ่ในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน เพื่อผลักดันการเติบโตให้ก้าวกระโดด โดยภายในปี 59 จะรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และก๊าซชีวภาพจากน้ำเสียทั้งหมด 13 MW และในปี 60 จะรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพจากน้ำเสียและชีวมวลเพิ่มอีก 11 MW ทำให้ในปี 60 บริษัทจะรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 24 MW
ทั้งนี้ ยังไม่รวมถึงโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมและขยะ หรือโครงการโซล่าร์ฟาร์มส่วนราชการและสหกรณ์ ที่คาดว่าจะได้รับงานมาอีกจำนวนหนึ่งอีกด้วย หลังจากที่ได้ผ่านการคัดเลือกคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 3 โครงการ รวม 15 MW และอยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่มเติมอีก 7 โครงการ รวม 35 MW ซึ่งคาดว่า กกพ. จะจัดให้มีการจับสลากโครงการที่ผ่านการพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการฯได้ภายในต้นปี 59 นี้
พร้อมกันนั้น ผู้ถือหุ้นยังได้อนุมัติแผนลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือกอื่นๆ เพิ่มเติมคิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 13 MW แบ่งเป็นเข้าลงทุนซื้อหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดในบริษัท อรัญ เพาเวอร์ จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพจากน้ำเสีย กำลังการผลิตไฟฟ้า 4 MW ที่ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เข้าระบบเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เดือนมี.ค.57 โดยเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมทั้งโครงการไม่เกิน 405 ล้านบาท ขณะเดียวกัน อรัญเพาเวอร์ ยังมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ. อีก 4 MW ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการลงทุนก่อสร้างเพิ่ม โดยมีกำหนดวัน SCOD ในวันที่ 30 ก.ย.60
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจะเข้าซื้อหุ้นที่ออกและจำหน่ายทั้งหมดในบริษัท เศรษฐีสุพรรณ ไบโอกรีน เพาเวอร์ จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพจากน้ำเสีย กำลังการผลิต 2 MW ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรีและได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เข้าระบบแล้ว เมื่อเดือน ต.ค.58 ที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าลงทุนรวมในโครงการนี้ไม่เกิน 197 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลผ่านบริษัท ไบโอโกกรีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยอีกหลายโครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลในจังหวัดนครศรีธรรมราช สุโขทัยและอุดรธานี โดยแต่ละโครงการมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 990 กิโลวัตต์ รวมทั้ง 3 โครงการมีกำลังการผลิตทั้งสิ้น 2.97 MW ซึ่งใช้เงินลงทุนโครงการละ 120 ล้านบาท หรือรวมเงินลงทุนประมาณ 360 ล้านบาท โดยทั้ง 3 โครงการได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจาก กฟภ.เรียบร้อยแล้ว