สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งวันอยู่ที่ 105,318 ล้านบาท ด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด 2 อันดับแรก คือ 1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซื้อสุทธิ 20,661 ล้านบาท 2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ ขายสุทธิ 2,756 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 610 ล้านบาท Yield พันธบัตรอายุ 5 ปี ปิดที่ 2.22% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน +0.06%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 4-10 bps. ในตราสารระยะยาวโดยเฉพาะรุ่นอายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นถึง 10 bps. จากการขายทำกำไรของกองทุนรวม รวมถึงจะมีการประมูลพันธบัตรอายุ 10 ปี (LB25DA) จำนวน 14,000 ล้านบาทในวันพุธนี้ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิ (NET SELL) 610 ล้านบาท สำหรับปัจจัยต่างประเทศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ประจำเดือนธ.ค.ลดลงสู่ระดับ 48.2 จาก 48.6 ในเดือน พ.ย. ตัวเลขดังกล่าวแสดงถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิตและต่ำกว่าที่ตลาดคาดการไว้มากที่ 48.9 ส่งผลต่อตลาดหลักทรัพย์ใน Emerging Market โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปิดลดลง 24.61 จุด อยู่ที่ 1,263.41 จุด (ลดลง 1.91% จากวันก่อนหน้า) ขณะที่ล่าสุดราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 37.17 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ซาอุดิอาระเบียประกาศตัดสัมพันธ์การทูตกับอิหร่านจากเหตุการณ์ไม่สงบเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ค่าเงินหยวนได้อ่อนค่าลงแตะระดับ 6.5032 หยวน/ดอลล่าร์ฯ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนปรับเปลี่ยนการอ้างอิงเงินหยวนเป็นระบบตะกร้าเงินอิงกับสกุลเงินคู่ค้า 13 ประเทศจากที่อ้างอิงแค่ดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่กลางปี 2554 เป็นต้นมา