BTS เตรียมทุ่มงบกว่า 1.4 แสนลบ.ลุยโครงการรถไฟฟ้า 5 เส้นทางภายในปี59

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 18, 2016 13:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เตรียมงบกว่า 1.4 แสนล้านบาทเข้าบริหารงานเดินรถและลงทุนโครงการรถไฟฟ้า 5 เส้นทาง ในปี 59 รวมระยะทาง 114.4 กม. โดยงานแรกรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายทั้งด้านเหนือและด้านใต้ที่กำลังก่อสร้างอยู่คาดว่าจะได้รับงานบริหารเดินรถจากกรุงเทพมหานคร(กทม.)ราวกลางปี 59 นี้ ขณะที่คาดว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และ สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง จะเข้าร่วมประมูลโดยคาดเปิดขายซองประมูลในเดือนมี.ค.59 และยื่นซองประมูล ก.ค.59 นี้ และโครงการรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบา (LRT) เส้นทางบางนา-สนามบินสุวรรณภูมิ ที่เป็นโครงการที่แร่งดำเนินการเพราะเป็นเส้นทางที่ผ่านชุมชนและห้างร้านจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน ผลประกอบการของ BTS เติบโตต่อเนื่อง โดยงวดปี 58/59 มั่นใจเติบโต 9% สูงกว่าเป้าที่คาดไว้โต 6-8% หลังจากงวด 9 เดือนเติบโตได้ดี ตามจำนวนผู้โดยสารที่เติบโตกว่าคาดที่ 7% มาที่ 6.7-6.8 แสนเที่ยวคน/วัน พร้อมประมาณการว่าจำนวนผู้โดยสารจะเติบโตแตะ 1 ล้านเที่ยวคน/วัน ใน 5-6 ปีข้างหน้า เมื่อโครงข่ายรถไฟฟ้าเปิดให้บริการมากขึ้น

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการบริหารของ BTS และ ผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BTS เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ในปี 59 บริษัทเตรียมพร้อมการลงทุนและบริหารการเดินรถของโครงการรถไฟฟ้า 5 เส้นทาง แม้ว่าบางเส้นทางจะล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมไปก็ตาม แต่รัฐบาลนี้ได้เร่งเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้า โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลือง ที่นำเข้าเป็นโครงการร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ PPP ที่เร่งระยะเวลาการดำเนินการเพียง 9 เดือน

ทั้งนี้ คาดว่าทั้งสองโครงการคาดว่าจะออกประกาศเชิญชวนประมูลพร้อมกัน โดยจะเปิดขายซองประมูลประมาณเดือน มี.ค.59 และยื่นซองประมูลในเดือน ก.ค. 59 ซึ่ง BTS มีความพร้อมเข้าประมูลทั้ง 2 โครงการ ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาโครงการ เบื้องต้นจะเข้าประมูลเพียงลำพังก่อน และอาจเปิดทางพันธมิตรที่มีความรู้ความชำนาญด้านรถไฟฟ้าเข้ามาร่วมทุนด้วย ซึ่งที่ผ่านมา BTS มีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มทุนจีน

โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. มูลค่าโครงการ 56,725 ล้านบาท รูปแบบการลงทุนแบบเทิร์นคีย์ ทั้งลงทุนก่อสร้าง และบริหารการเดินรถให้สัมปทานเดินรถ ระยะเวลา 30 ปี ใช้รถไฟฟ้ารางเดี่ยว(โมโนเรล) ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กม. มูลค่าโครงการ 54,768.45 หมื่นล้านบาท เป็นรูปแบบเทิร์นคีย์เช่นกัน คือให้เอกชนลงทุนงานก่อสร้างและการบริหารการเดินรถ ภายใต้สัมปทานเดินรถ ระยะเวลา 30 ปี

นอกจากนี้ ยังมีงานโครงการสายสีเขียงส่วนต่อขยาย นายสุรพงษ์ คาดว่าบริษัทจะได้รับงานการบริหารงานเดินรถของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายทั้ง 2 ด้าน คือ รถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 12.8 กม.โดยงานก่อสร้างคืบหน้ากว่า 70% แล้ว ทาง กทม.กำหนดจะเปิดให้บริการสถานีแรกคือสถานีสำโรงในเดือน ธ.ค.59

ฉะนั้น คาดว่ากรุงเทพมหานคร(กทม.)จะจ้างบริหารการเดินรถภายในกลางปี 59 เพื่อนำระบบติดตั้งได้ทันกำหนด พร้อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 18.4 กม. แม้ว่าขณะนี้งานก่อสร้างยังคืบหน้าไม่มาก แต่การจ้างงานในคราวเดียวกันจะทำให้สามารถสั่งซื้อรถไฟฟ้าได้คราวเดียวกันและประหยัดกว่า

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า หากได้รับงานเดินรถดังกล่าว บริษัทคาดว่าจะสั่งซื้อรถไฟฟ้าจำนวน 36 ขบวนๆ ละ 4 ตู้ วงเงินลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับสายสีเขียวหนือ 15 ขบวน และ สายสีเขียวใต้ 21 ขบวน โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลา 2 ปีในการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณการเดินรถ โดยเส้นสีเขียวเหนือเปิดให้บริการเต็มในปี 61 และปี 62 เปิดให้บริการเส้นสีเขียวใต้

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งมอบโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายทั้งสองด้านจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)มาให้กับ กทม.และคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก(คจร.)อยู่ระหว่างพิจารณา คาดว่าจะนำเสนอต่อครม.ได้ในเดือนม.ค.นี้

ส่วนรถไฟฟ้าเส้นที่ 5 ที่คาดว่าปีนี้จะเปิดประมูลในปีนี้ คือ เส้นทางรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบา(LRT)เส้นทางบางนา-สนามบินสุวรรณภูมิ ระยะทาง 18.3 กม.มูลค่าโครงการประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่ง กทม.เป็นเจ้าของโครงการ โดยขั้นตอนขณะนี้ได้ส่งเรื่องเข้า คจร.แล้ว เพื่อให้บรรจุไว้ในแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (Mass Rapid Transit Master Plan in Bangkok Metropolitan Region: M-MAP) จากนั้นจะนำเสนอต่อที่ประชุมครม.เพื่อให้ความเห็นชอบ กำหนดเปิดใช้บริการกลางปี 62

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า รถไฟฟ้า 2 เส้นทางที่ล่าช้ากว่าแผนมาก ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเทา ระยะทางกว่า 30 กม.ที่ กทม.เป็นเจ้าของโครงการ โดยขณะนี้รอผลอนุมัติการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) หลังจากได้มีการปรับเส้นทาง แบ่งเป็น 2 เฟส เฟสแรก ช่วงวัชรพล-รามอินทราลาดพร้าว-รามคำแหง-ทองหล่อ เฟส 2 พระโขนง-สาทร-ถนนนราธิวาสราชนครินทร์-ถนนพระราม 3

และรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ช่วงบางหว้า-บรมราชชนนี ระยะทาง 7 กม. ขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ซึ่งเส้นทางนี้ BTS มีโอกาสได้เข้าบริหารเดินรถต่อเนื่อง

กรรมการบริหาร BTS กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมเงินทุนสำหรับรองรับการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าไว้แล้ว โดยปัจจุบันบริษัทมีเงินสดอยู่ 2 หมื่นล้านบาท และยังมีเงินจากการแปลงสิทธิจากใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท(วอแรนท์)อีก 4.8 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังสามารถหาเงินกู้สถาบันได้กว่า 1 แสนล้านบาท หรือ ใช้เงินกู้ไม่เกิน 3 เท่าจากทุนที่มีอยู่ 1 เท่า

*มั่นใจผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง

นายสุรพงษ์ คาดว่า ในงวดปี 58/59(สิ้นสุด มี.ค.59)รายได้จากการเดินรถเติบโต 9% ซึ่งสูงจากเป้าหมายที่คาดว่าจะโต 6-8% โดยในงวด 9 เดือนแรกรายได้เติบโต 9% เป็นจำนวน 5,874 ล้านบาท เป็นการเติบโตตามจำนวนผู้โดยสารที่ 7% สูงกว่าเป้าหมายที่คาดว่าจะเติบโต 4-6% คาดทั้งงวดปีจำนวนผู้โดยสารจะขยายตัว 7% เพราะปัจจุบันมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 6.7-6.8 แสนเที่ยวคน/วัน หากเป็นวันธรรมดาจะมีผู้โดยสาร 7 แสนเที่ยวคน/วัน ซึ่งเดือน พ.ย.มียอดผู้โดยสารสูงสุด

บริษัทคาดว่ามียอดตั๋วเฉลี่ยต่อคนในงวดปี 58/59 ใกล้เคียงงวดปี 57/58 ที่มียอดเฉลี่ย 27 บาท/คน/วัน เพราะไม่ได้ปรับขึ้นราคา เพราะอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยบริษัทสามารถปรับราคาได้ทุกๆ 18 เดือน ปัจจุบัน ค่าตั๋วอยู่ที่ 15-42 บาท/เที่ยว ยังต่ำกว่าสิทธิที่เก็บค่าโดยสาร 20-60 บาท

นอกจากนี้ คาดว่าเมื่อ BTS ได้เข้าบริหารส่วนต่อขยายสายสีเขียวทั้งเขียวเหนือและเขียวใต้ก็จะช่วยผลักดันยอดผู้โดยสารเข้าระบบมากขึ้น โดยในเส้นทางรถไฟฟ้าเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต คาดจะมีจำนวนผู้โดยสารกว่า 2 แสนเที่ยวคน/วัน ส่วนเส้นทางรถไฟฟ้าเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปรากการ คาดมีจำนวนผู้โดยสารกว่า 1 แสนเที่ยวคน/วัน ซึ่งระยะแรกส่วนใหญ่จะเป็นผู้โดยสารเดิมที่ใช้บริการ โดยมีแผนจะนำสัญญาเดินรถของทั้งสองเส้นทางขายเข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอสโกรท (BTSGIF) หลังดำเนินการได้ระยะหนึ่ง

ภายใน 5-6 ปีข้างหน้าเมื่อโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าเปิดให้บริการครบ เชื่อว่า BTS จะมีจำนวนผู้โดยสารเข้าระบบเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1 ล้านเที่ยวคน/วัน ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น BTS ก็คงต้องเพิ่มรถไฟฟ้า และเพิ่มความยาวของตู้รถโดยสารจากปัจจุบันมี 4 ตู้ ก็เพิ่มเป็น 6 ตู้ ขณะที่สมาชิกบัตรแรบบิทปัจจุบันเกิน 4.5 ล้านใบ ปี 59 ตั้งเป้า 5 ล้านใบ จากแผนใช้ฐานลูกค้าบัตรแรบบิทต่อยอดธุรกิจออนไลน์

"แนวโน้มรถไฟฟ้าเป็นธุรกิจมั่นคง โตช้าๆไม่หวือหวา ไม่ได้รับผลกระทบเศรษฐกิจ ธุรกิจเหมือนน้ำซึมบ่อทราย ตัวธุรกิจรถไฟฟ้าเป็นตัวพื้นฐาน ส่วนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ก็มีโอกาสเติบโตขึ้นมาก เช่น อสังหาริมทรัพย์ มีเดีย โดยรวมทั้งกลุ่มดีขึ้นปีนี้“นายสุรพงษ์ กล่าว

ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ร่วมทุนกับ บมจ.แสนสิริ(SIRI)เปิดคอนโดมิเนียมแล้ว 3 โครงการ ที่ราชเทวี หมอชิต และคลองตัน ขายหมดอย่างรวดเร็ว คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปี 60-61 และยังมีแผนที่จะพัฒนาคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าไม่เกิน 500 กม. จำนวน 25 โครงการ มูลค่ารวม 1 แสนล้านบาท ในช่วง 5 ปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ