ประกอบกับ คาดว่ายอดขายจากเครื่องดื่มโถกดแบบเย็นในร้าน 7-11 เติบโตปีละ 8-10% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามการเปิดสาขาของร้าน 7-11 ในประเทศไทย โดยเฉพาะเครื่องดื่มลาเต้ทำยอดขายต่อวันดีขึ้นมาก ทำให้ 7-11 จัดเป็นสินค้าหลัก ดังนั้น เมื่อ 7-11 มี 8,000 สาขาก็จะต้องมีสินค้าของ TACC อยู่ไม่ต่ำกว่า 6,000-7,000 สาขา
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้นในปีนี้ เน้นที่ตลาดกัมพูชาด้วยการเพิ่มบุคลากรทีมขาย ทีมจัดเรียงสินค้า อีก 18 คน เพื่อติดตั้งเครื่องกดเครื่องดื่มแบบเย็น เช่น ชา ในร้านสะดวกซื้อที่มีอยู่ราว 20,000 ร้านค้า และจะเน้นการบริหารให้รัดกุมมากขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายจากกัมพูชาเพิ่มเป็น 8-9% จากปีก่อนอยู่ที่ 5% เนื่องจากยอดขายชาเย็นในกัมพูชาช่วงปลายปี 58 ทำได้สวย และคาดเติบโตปีละ 15%
ส่วนตลาดประเทศอื่น ๆ นั้น บริษัทได้วางขายเซนย่าชาเขียวในสิงคโปร์ โดยเฉพาะในโรงเรียนต่าง ๆ ขณะที่ในออสเตรเลียนำกาแฟไทยไปเปิดแล้วใน 40 ร้านค้า และในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 100 ร้านค้า ด้านตลาดจีนนั้น TACC ได้ส่งออกแบรนด์เครื่องดื่มชงร้อน"สวัสดี"เป็นนมรสชาติต่าง ๆ เช่น ทุเรียน และมะม่วง เป็นต้น ไปวางจำหน่ายบ้างแล้ว โดยขณะนี้มีผู้ที่สนใจติดต่อเข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายในจีน ซึ่งบริษัทพิจารณาแล้ว 1 ราย
"ปีนี้ตั้งเป้ารายได้รวมโตทั้งในประเทศและส่งออกด้วยก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 15% ธุรกิจเราจะโตตาม 7-11 อย่างโถกดเครื่องดื่มเย็นปีนี้ยังโต 8-10% ได้ ขณะที่เครื่องดื่มร้อนแบบชงก็น่าจะโต 8-10% สำหรับปี 58 รายได้รวมเป็นไปตามเป้าที่ 1,000 ล้านบาท เศษๆ"นายชนิต กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในปี 59 อัตรากำไรสุทธิจะสูงขึ้นเป็น 7.5% จากปีก่อนช่วง 9 เดือนแรก อยู่ที่ 6-7% เป็นผลจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายคงที่ยังทรงตัว รวมทั้งบริษัทมีโรงงานผลิตสินค้าเอง ซึ่งส่งผลดีในแง่กระบวนการผลิตเองตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยจะพยายามทำอัตรากำไรสุทธิให้สูงขึ้นจากปี 57 อยู่ที่ 5%
"ปีก่อนที่ได้ 6-7% สิ่งที่ดีขึ้นก็คือหันมาขายสินค้าที่มีกำไรขั้นต้นสูงขึ้น เช่น แบรนด์สวัสดีก็ช่วยให้มาร์จินดีขึ้น และปีนี้จะเน้นส่งออกไปจีนมากขึ้นก็น่าจะช่วยได้อีกเยอะ"นายชนิต กล่าว
บริษัทยังวางแผนหลังจาก 3 ปีข้างหน้า รายได้น่าจะเติบโตได้ราว 25-30% ต่อปี โดยคาดปี 61 จะทำรายได้แตะ 2,000 ล้านบาท หลังจากมุ่งเน้นการขยายเครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติ (Vending Machine)ในประเทศ ซึ่ง ณ สิ้นปี 60 จะมีครบ 1,500 เครื่อง และการขยายตลาดต่างประเทศ โดยมีร้าน 7-11 ซึ่งเป็นพันธมิตรหลัก ซึ่งขณะนี้ได้ช่วยประสานงานให้บริษัทนำสินค้าไปขายในร้าน 7-11 ในไต้หวัน
นายชนืต กล่าวว่า บริษัทมองความเสี่ยงของธุรกิจปีนี้ที่ภัยแล้ง ถึงแม้ว่าเราเป็นสินค้าบริโภคขายใน 7-11 ยังไม่ถูกกระทบในคลื่นแรกๆ แต่ถ้าภาวะอากาศแปรปรวนเป็นความเสี่ยงของเครื่องดื่มเย็น และถ้าฝนตกเยอะคนก็จะไม่ออกมาซื้อ แต่ปีนี้ภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นหลายอย่างก็เชื่อว่าเศรษฐกิจปี 59 จะดีกว่าปีที่แล้ว