วงการ FA มองปรับเกณฑ์ IPO ดัน mai เด่น ห่วง บจ.ทุนจดฯต่ำใน SET อาจถูกย้าย-ค้านปรับพาร์

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 24, 2016 17:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

แหล่งข่าวจากวงการที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) กล่าวว่า เห็นด้วยกับการหลักการในภาพรวมของปรับเกณฑ์การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือเกณฑ์ IPO และเชื่อว่าจะไม่กระทบกับบริษัทส่วนใหญ่ที่เตรียมจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ในเร็ว ๆ นี้ โดยเฉพาะกลุ่มที่จะเข้าตลาด mai ซึ่งส่วนใหญ่จะมีทุนจดทะเบียนสูงกว่า 50 ล้านบาท แต่อาจจะมีผลกับบริษัทที่จะเข้าตลาด SET บ้าง เพราะเกณฑ์ที่กำหนดไว้ค่อนข้างสูง และอาจจะทำให้อีกหลายบริษัทที่สนใจจะเข้าตลาด SET ต้องหันมาเข้าตลาด mai แทน

ดังนั้น การปรับเกณฑ์ครั้งนี้จะทำให้ตลาด mai กลายเป็นจุด focus ใหม่ของตลาดหุ้นไทย ซึ่งจะมีจำนวนบริษัทเข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น ขณะที่จำนวนบริษัทที่จะเข้าตลาด SET ก็อาจจะน้อยลง นอกจากนั้น ยังเกิดคำถามว่าบริษัทจดทะเบียนเดิมในตลาด SET ที่มีทุนจดทะเบียนต่ำกว่า 500 ล้านบาท จะต้องย้ายมาอยู่ในตลาด mai หรือต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนขึ้นไปให้เท่ากับเกณฑ์ใหม่หรือไม่

"บริษัทที่จะเข้าตลาด mai ส่วนใหญ่ทุนเกินกว่า 50 ล้านบาทอยู่แล้ว การเพิ่มเกณฑ์เรื่องทุนจดทะเบียนไม่ได้มีผล แต่การขยายฐานทุน SET อาจทำให้บริษัทที่เคยจะเข้าไปจดทะเบียนได้ ต้องย้ายไปเข้า mai แทน focus ก็จะไปอยู่ที่ mai มากขึ้น ส่วนหุ้นที่เข้า SET ได้ต้องเป็นบิ๊กแคปจริง ๆ" แหล่งข่าว กล่าว

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าว มองว่าการขยายฐานทุนไม่ได้เกี่ยวกับคุณภาพของ บจ. เพราะแต่ละธุรกิจมีความต้องการขนาดทุนแตกต่างกัน บริษัทในอุตสาหกรรมการผลิตอาจจะต้องมีทุนสูง ขณะที่บริษัทที่เป็นธุรกิจการให้บริการไม่จำเป็นต้องมีฐานทุนมากนัก แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณภาพแตกต่างกัน ดังนั้น การที่กำหนดเกณฑ์ฐานทุนสูงเพื่อคัดเลือกธุรกิจที่มีคุณภาพดีจึงไม่น่าจะใช่แนวทางที่ถูก

แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า ประเด็นที่น่าจะเป็นปัญหาน่าจะเป็นเรื่องการปรับมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) ไม่ต่ำกว่า 0.50 บาท/หุ้น ซึ่งมองว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุด และอาจจะทำให้จำนวนหุ้นที่เสนอขาย IPO มีจำนวนน้อยลง ซึ่งขัดกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้มีการกระจายหุ้นอย่างเป็นธรรม แม้จะปรับเกณฑ์การกระจายหุ้นให้รายย่อยเพิ่มเป็น 25% ซึ่งถือว่าดี แต่ก็เห็นว่าน่าจะไปปรับที่วิธีการกระจายหุ้นมากกว่า เพราะตลท.ไม่เคยมีการกำหนดไว้

"การเพิ่มราคาพาร์ เป็นการเกาไม่ถูกที่คัน เพราะไปเหมาโหลไม่ได้ บริษัทส่วนใหญ่ที่มีพาร์ต่ำ ๆ ไม่ใช่กำหนดตอนช่วง IPO แต่มาทำเมื่อเข้าตลาดไปแล้ว หากตลาดฯ จะมองว่าการกำหนดราคาพาร์ให้เหมาะสมจะทำให้หุ้นไม่ถูกเก็งกำไรได้ง่ายๆ ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะที่เห็นอยู่นั้นบริษัทที่พาร์สูง ๆ ก็ยังมีการเก็งกำไรกัน ลากขึ้นลากลงกันได้เยอะแยะไป การเก็งกำไรอยู่ที่หลายมิติ ไม่ใช่ที่พาร์"แหล่งข่าว กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ