ขณะที่บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะลดลงมาอยู่ที่ 15% จากปีก่อนที่ 20% เนื่องจากปีนี้บริษัทมีการโอนคอนโดมิเนียมมากขึ้น ซึ่งโครงการคอนโดมิเนียมมีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ไม่สูงนักหรืออยู่ที่ 32-35% ต่างจากโครงการแนวราบที่มีมาร์จิ้นสูงราว 40-45%
ส่วนเป้าหมายรายได้จากการขายในปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 5.1 พันล้านบาท หรือเติบโต 60% จากปี 58 ที่มีรายได้อยู่ที่ 3.13 พันล้านบาท ซึ่งรายได้ในปีนี้จะมาจากการโอนโครงการจากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) จำนวน 5.1 พันล้านบาท จากที่มีทั้งหมด 6.08 พันล้านบาท โดยจะมีโครงการที่โอนในปีนี้ทั้งหมด 5 โครงการ คือ โครงการคอนโดมิเนียมทิวลิป, โครงการสำเพ็ง 2 เฟส 4, โครงการคอนโดมิเนียมไมอามี่ บางปู, โครงการ JSP City รังสิต และโครงการ JSP city แพรกษา
ทั้งนี้ ไตรมาส 1/59 บริษัทคาดว่าจะทำรายได้อยู่ที่ 800-1,000 ล้านบาท โดยมาจากการโอน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมทิวลิป และโครงการสำเพ็ง 2 เฟส 4
นางทนงศักดิ์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทได้เปิดตังโครงการใหม่ไปแล้ว 1 โครงการ เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา คือ โครงการบางปะกง-บ้านโพธิ์ ซึ่งประกอบด้วย บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด และ อาคารพาณิชย์ มูลค่าโครงการ 1.63 พันล้านบาท จำนวนยูนิตรวม 700 ยูนิต ปัจจุบันขายได้แล้ว 85 ยูนิต หรือคิดเป็นยอดขาย 200 ล้านบาท นอกจากนี้ ปลายปีนี้บริษัทอาจจะเปิดตัวอีก 1 โครงการ คือ โครงการบางเสร่ ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับปรุงแผนพัฒนาโครงการดังกล่าว
บริษัทตั้งงบลงทุนรวมในปีนี้ที่ 4 พันล้านบาท แบ่งเป็น งบสำหรับการก่อสร้าง 3 พันล้านบาท และอีก 1 พันล้านบาท ใช้สำหรับจ่ายค่าที่ดินที่ได้วางมัดจำไว้ปีที่แล้ว ส่วนปีนี้ไม่มีแผนซื้อที่ดินเพิ่มเติม ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินเปล่ารอการพัฒนา 400 ไร่
สำหรับแหล่งเงินทุนในปีนี้บริษัทมีแผนออกตั๋วแลกเงินระยะสั้น (B/E) มูลค่า 600 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลัง โดบปี 58 บริษัทได้ออกตั๋ว B/E ไปแล้ว 200 ล้านบาท บริษัทจะนำเงินที่ได้เป็นเงินทุนหมุนเวียน นอกจากนี้ยังจะออกหุ้นกู้มูลค่า 1.5 พันล้านบาท ในครึ่งปีหลัง หากได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 22 เม.ย.59 โดยแบ่งการออกหุ้นกู้เป็นชุดแรกมูลค่า 800 ล้านบาทในไตรมาส 3/59 และชุดที่ 2 ออกมูลค่า 700 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 4/59