หุ้น ADVANC และ INTUCH และ DTAC ดีดตัวขึ้น 5.37% ,7.41% และ 9.47% ตามลำดับ โดยเมื่อเวลาประมาณ 10.01 น. ราคาหุ้น ADVANC มาอยู่ที่ 186.50 บาท เพิ่มขึ้น 9.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 977.80 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 187 บาท ราคาหุ้นปรับขึ้นสูงสุดที่ 187 บาท และทำระดับต่ำสุดที่ 186.50 บาท
ราคาหุ้น INTUCH อยู่ที่ 65.25 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 541.46 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 65.25 บาท ราคาหุ้นปรับขึ้นสูงสุดที่ 65.50 บาท และทำระดับต่ำสุดที่ 65 บาท
ส่วนหุ้น DTAC อยู่ที่ 46.25 บาท เพิ่มขึ้น 4 บาท มูลค่าซื้อขาย 551.26 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 46.25 บาท ราคาหุ้นปรับขึ้นสูงสุดที่ 46.50 บาท และทำระดับต่ำสุดที่ 46.25 บาท
บล.กรุงศรี ปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นในกลุ่มสื่อสาร เป็น NEUTRAL จาก UNDERWEIGHT เนื่องจากความเสี่ยงในด้านการแข่งขันราคาลดลง หลังจากที่กลุ่ม บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ไม่ได้จ่ายค่าใบอนุญาต 4G คลื่นความถี่ 900 MHz แต่ก็ยังคงมองการแข่งขันจะยังอยู่ในระดับสูงอยู่ในระยะสั้น เนื่องจากบมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น (TRUE) ยังคงรุกหนักในด้านการตลาดและโปรโมชั่นเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาด
อย่างไรก็ตาม บล.กรุงศรี ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) เป็น 210 บาท จาก 140 บาท และปรับคำแนะนำเป็น"ซื้อ"จากเดิม"ถือ" โดยเลือก ADVANC เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มสื่อสาร และยังได้ปรับเพิ่มคำแนะนำหุ้น TRUE เป็น"ถือ" จาก"ขาย" และปรับราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น 8.0 บาท จากเดิม 5.8 บาท ก่อนผลของ dilution แต่ยังคงแนะนำให้"ถือ"หุ้นบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) แต่เพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 40 บาท จากเดิม 30 บาท
กรุงศรี มองว่าการที่ JAS ไม่จ่ายค่าใบอนุญาต 4G ภายในระยะเวลาที่กำหนดเมื่อวานนี้ ทำให้สถานการณ์พลิกมาเป็นบวกต่อกลุ่มสื่อสาร เพราะการแข่งขันในธุรกิจมือถือจะกลับไปสู่การมีผู้เล่น 3 รายอีกครั้ง ซึ่งทำให้ ADVANC กลับมาเป็นหุ้นที่บล.กรุงศรีชอบมากที่สุดอีกครั้ง โดยเชื่อว่าบริษัทน่าจะยังคงสถานะความเป็นผู้นำในตลาด และสามารถจ่ายปันผลได้ในอัตราที่สูง แต่ก็ยังคงมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อประเด็นความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวของ DTAC ในกรณีที่ไม่สามารถหาคลื่นใหม่ได้หลังปี 61 บวกกับโครงสร้างต้นทุน regulatory cost ที่ด้อยกว่าคู่แข่ง ทำให้มีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นกับ TRUE เนื่องจากบริษัทเป็นเจ้าของคลื่นมากที่สุด โดยคุณภาพโครงข่ายน่าจะดีขึ้น แต่ผลขาดทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้าก็น่าจะจำกัดไม่ให้ราคาหุ้นขึ้นไปได้ไกล
ส่วน JAS จะริบเงินประกันของ JAS จำนวน 644 ล้านบาท ซึ่งวางไว้ก่อนการประมูล และจะเรียกร้องค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดประมูลอีกประมาณ 180 ล้านบาทจาก JAS ซึ่งคิดเป็น 0.12 บาท/หุ้น นอกจากนี้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) อาจจะพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตทำธุรกิจบรอดแบนด์ของ JAS ด้วย แต่ยังสงสัยว่า กสทช. มีสิทธิในการถอนใบอนุญาตดังกล่าวหรือไม่ เพราะตาม Information Memorandum ไม่ได้ระบุเงื่อนไขข้อนี้เอาไว้ จากนั้น กสทช.จะจัดการประมูลใบอนุญาตรอบใหม่ขึ้น ซึ่งน่าจะภายในเวลา 3-6 เดือน โดยราคาตั้งต้นจะเท่ากับราคาที่ JAS ชนะการประมูลที่ 7.57 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากไม่มีผู้สนใจเข้าประมูล ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้นกสทช.ก็จะเก็บใบอนุญาตเอาไว้อีกหนึ่งปี