(เพิ่มเติม) MAJOR จับมือ"ซีเจ อีแอนด์เอ็ม"จากเกาหลีร่วมทุนตั้งค่ายหนังไทยน้องใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 28, 2016 17:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) จับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทบริษัท ซีเจ อีแอนด์เอ็ม จำกัด ผู้ผลิตภาพยนต์และจัดจำหน่ายภาพยนต์รายใหญ่จากเกาหลีจัดตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท ซีเจ เมเจอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เป็นค่ายหนังน้องใหม่ผลิตภาพยนตร์ไทย พร้อมโชว์ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรก "มิส แกรนนี่" เข้าฉายปลายปีนี้ ก่อนมุ่งสู่เป้าหมายผลิตหนังไทย 15-20 เรื่องภายในปี 63

นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร MAJOR เปิดเผยว่า การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนดังกล่าวจะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยอย่างแน่นอน และจะช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยมีการพัฒนาอย่างเป็นระบบและเติบโตแข็งแรงมากยิ่งขึ้นทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ อีกทั้งยังช่วยให้ภาพยนตร์ไทยที่สร้างออกมามีโอกาสส่งออกไปสู่ตลาดต่างประเทศทั้งในตลาดเอเชียรวมถึงประเทศจีนอีกด้วย โดยอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์ระดับโลกจากทาง ซีเจ อีแอนด์เอ็ม

ทั้งนี้ บริษัท ซีเจ อีแอนด์เอ็ม จำกัด เป็นบริษัทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ยักษ์ใหญ่ในเอเชียซึ่งทำธุรกิจสื่อบันเทิงครบวงจร อาทิ ภาพยนตร์, เพลง, เคเบิล, เกมออนไลน์ และอื่น ๆ โดยเฉพาะด้านภาพยนตร์ที่ ซีเจ อีแอนด์เอ็ม เป็นบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลี และเคยร่วมทุนสร้างภาพยนตร์ประสบความสำเร็จมาแล้วในประเทศต่าง ๆ กว่า 10 ประเทศทั่วโลก รวมทั้ง ยังมีรากฐานที่แข็งแรงในการผลิตภาพยนตร์ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของระบบ โครงสร้าง วิธีการคิดต่าง ๆ การมอนิเตอร์ การประเมินโปรเจ็คของภาพยนตร์ต่าง ๆ ที่ออกมาล้วนแต่ประสบความสำเร็จเป็นส่วนมาก

นายวิชา กล่าวว่า บริษัทร่วมทุนดังกล่าวมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท MAJOR ถือหุ้น 49% เจซีฯ ถือ 51% ตามแผน 5 ปี หรือภายในปี 63 จะผลิตหนังไทย 15-20 เรื่อง ด้วยงบลงทุนเรื่องละ 50 ล้านบาท รวมค่าโฆษณา cost อาจจะสูงเพราะใช้ซุปเปอร์สตาร์เต็มที่ โดยเฉพาะโฆษณา โดยปีนีผลิต 2 เรื่อง เข้าฉาย 1 เรื่อง ปี 60 ผลิต 3-4 เรื่องเข้าฉาย 3 เรื่อง และปี 61 ผลิต 5-6 เรื่องเข้าฉาย 5 เรื่องตามลำดับ

"การร่วมทุนครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างชาติเข้ามาร่วมทุนแลกเปลี่ยนความรู้ เมเจอร์ทำโรงหนังเยอะ หลายครั้งหนังบ้านเรามาร์เก็ตแชร์น้อย บางเรื่องทำเงินได้น้อย ซึ่งการร่วมทุนครั้งนี้เจซีฯจะส่งทีมมา เซ็ตทีม ปรับโครงสร้าง แต่ผู้กำกับและดาราจะเป็นคนไทยทั้งหมด เกาหลีเป็นผู้นำคอนเทนท์ ฟิลม์โปรชั่น ขณะที่ไทยมีศักยภาพ อนาคตโตสูง การร่วมทุนร้างหนังไทยจึงเป็นโอกาสที่ดี"นายวิขา กล่าว

ขณะที่ MAJOR ยังเดินหน้าขับเคลื่อนเป็นหัวขบวนรถจักรใหญ่ในการพัฒนาอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์และภาพยนตร์ไทย ด้วยการลงทุนขยายตลาดสร้างโรงภาพยนตร์เปิดสาขาเพิ่มทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และต่างประเทศ ตั้งเป้าครบ 1,000 โรง ใน 5 ปีหรือภายในปี 63 แบ่งเป็นโรงภาพยนตร์ในเมืองไทย 900 โรง และกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา, ลาว, พม่า และ เวียดนาม อีก 100 โรง ซึ่งจะเป็นช่องทางรองรับให้ภาพยนตร์ไทยมีโอกาสเติบโตเพิ่มมากขึ้นได้อย่างแน่นอน

"การที่ MAJOR รุกตลาด CLMV ทั้งเขมรและลาว ภาพนี้ทำให้เจซีฯ มองเห็นตลาดเอเชียยังโต เจซีฯจะมาก็ยกระดับมาตรฐานทำหนังบ้านเราได้อีกมาก เพราะมีประสบการณ์ เทรนด์ตอนนี้ใครๆก็อยากเลียนแบบเกาหลี"นายวิชา กล่าว

ปัจจุบัน เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ มีสาขาทั้งสิ้น 92 สาขา 606 โรง 140,584 ที่นั่ง เป็นสาขาในเขตกรุงเทพฯ 26 สาขา 253 โรง ต่างจังหวัด 38 จังหวัด 64 สาขา 341 โรง และต่างประเทศ 2 สาขา ที่ กัมพูชา 7 โรง และลาว 5 โรง รวม 12 โรง

นายเท-ซอง ชอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายภาพยนตร์ บริษัท ซีเจ อีแอนด์เอ็ม จำกัด กล่าวว่า บริษัทสนใจตลาดภาพยนตร์ในประเทศไทย เนื่องจากหากเทียบกับประเทศรอบ ๆ หรือใกล้เคียงกัน ตลาดในประเทศไทยมีขนาดใหญ่กว่ามาก ดังนั้น การได้พันธมิตรที่แข็งแรงที่สุดอย่าง MAJOR ก็จะทำให้สามารถสร้างภาพยนตร์ไทยให้เป็น Asian Film ที่จะส่งออกไปยังตลาดโลกได้

นอกจากนี้ ซีเจ อีแอนด์เอ็ม กำลังรุกขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยการเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายโดยตรงไปยังประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา, จีน, ญี่ปุ่น, เวียดนาม และอินโดนีเชีย พร้อมร่วมทุนกับบริษัทใหญ่ ๆ สร้างภาพยนตร์ที่มีคุณภาพในตลาดต่างประเทศมากขึ้นในอนาคต นอกเหนือจากประเทศเกาหลีและจีนแล้ว เชื่อว่าวงการภาพยนตร์ในประเทศไทยมีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถเติบโตในตลาดที่มีภาพยนตร์ในประเทศที่มีตัวตนที่ชัดเจนและเอาชนะหนังฮอลีวู้ดได้

"ซีเจฯ มองเห็นศักยภาพตลาดอาเซียน โดเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังมี room อีกเยอะ ซึ่งในไทย หนังไทยเข้าฉายเพียง 30% เรามองสามารถทำได้ถึง 50% ถ้ามีผู้ผลิตคอนเทนท์ใหม่ก็จะสามารถขยายตลาดหนังไทยได้อีก เจซีฯ เข้ามาทำธุรกิจและรู้จักกับเมเจอร์มา 20 ปี คุณวิชามีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ถ้าจะร่วมทุน ต้องเมเจอร์ วิสัยทัศน์เหมือนกันเพื่อผลิตหนังไทยไปสู่เอเชียและระดับโลก ซึ่งเจซีฯ ทำหนัง 7 ภาษา ทั้งจีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มองตลาดไทยสำคัญมาก ดีและมีโอกาส"นายเท-ซอง ชอง กล่าว

ด้านนายสง่า ฉัตรชัยรุ่งเรือง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายภาพยนตร์ MAJOR กล่าวว่า ซีเจ เมเจอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ได้เริ่มผลิตภาพยนตร์แล้ว 2 เรื่อง หนึ่งเรื่องเป็นภาพยนตร์โรแมนติก คอมเมอดี้ และอีกเรื่องเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่น

สำหรับภาพยนตร์เรื่องแรกจะเข้าฉายให้ได้ชมกันภายในสิ้นปีนี้ เป็นการนำเอาภาพยนตร์เรื่อง “มิส แกรนนี่" (Miss Granny) ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในเกาหลีเมื่อปี 2014 มาทำเป็นเวอร์ชั่นไทย เป็นเรื่องราวของผู้หญิงอายุ 70 ปี ที่สละความสุขของตัวเองเพื่อครอบครัวมาโดยตลอด แต่ด้วยอะไรบางอย่างทำให้เธอได้กลับมาเป็นสาวสวยวัย 20 ปีอีกครั้ง เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ผสมผสานระหว่างความตลกและความซาบซึ้งไว้อย่างลงตัว

"หวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะประสบความสำเร็จทั้งในด้านคุณภาพและรายได้เหมือนเรื่องนี้เคยทำมาแล้วในหลาย ๆ ประเทศก่อนหน้านี้ เช่นที่ประเทศจีนนำไปสร้างใหม่ชื่อว่า Twenty Once Again ก็ประสบความสำเร็จเก็บรายได้ไปเกือบ 70 ล้านเหรียญยูเอสของตลาดทั้งหมด และปลายปีที่แล้วทางเวียดนามก็นำไปสร้างใหม่ก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน และเดือนหน้านี้กำลังจะฉายในเวอร์ชั่นญี่ปุ่น จากนั้นก็จะเป็นเวอร์ชั่นของประเทศไทย"

ส่วนอีกโปรเจ็คเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่น ได้ต้อม ปิยะพันธุ์ ชูเพ็ชร เป็นผู้กำกับ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนพัฒนาที่ประเทศเกาหลี เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นลุ้นระทึกที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้แล้วยังพัฒนาภาพยนตร์อีกหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น โรแมนติก, คอมเมอดี้, ภาพยนตร์วัยรุ่นและภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์โดยได้วางแผนไว้จะสร้างภาพยนตร์ 2 เรื่องภายในปีนี้ และอีกประมาณ 10 เรื่องภายใน 3 ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ