ตลท.ตั้งเป้ามาร์เก็ตแคปโต double size ใน 4-5 ปีปักธงรุกดึงตปท.เข้าจดทะเบียน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 29, 2016 15:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวมให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ในโอกาสที่ตลาดหลักทรัพย์ก้าวสู่การดำเนินงานปีที่ 42 ว่า ตลท.คาดหวังมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) จะเพิ่มขึ้นเท่าตัวภายใน 4-5 ปีข้างหน้า หลังมีแผนจะเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มผู้ลงทุน รวมถึงการสนับสนุนให้บริษัทต่างๆที่จดทะเบียนในตลท.และที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลท. ให้สามารถระดมทุนได้ ซึ่งจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศเติบโตในระยะยาว ตลอดจนมีแผนดึงผู้ประกอบการต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในประเทศไทยในอนาคตให้ได้

"ในอนาคตตลาดหลักทรัพย์ฯก็คงอยากทำให้ธุรกิจของตัวตลาดหลักทรัพย์ฯให้ใหญ่มากขึ้นในเรื่องมาร์เก็ตแคป เราอาจจะเรียกว่าเป็นธุรกิจของตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่จริงๆแล้วต้องเรียนว่าบริษัทจดทะเบียนเหล่านั้น เป็นธรุกิจของประเทศไทย ที่จะทำอย่างไรให้ธุรกิจของประเทศไทยจะสามารถระดมทุนได้มืออาชีพได้ เรายังคาดหวังว่าอย่างน้อยน่าจะเห็นเกือบๆ double size ภายใน 4-5 ปีข้างหน้า ของตัวมาร์เก็ตแคปของเรา"นางเกศรา กล่าว

นางเกศรา กล่าวว่า ปัจจุบันตลท.นับว่าเป็นอันดับ 1 ในอาเซียนหลายด้าน ได้แก่ มูลค่าของการระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เป็นอันดับ 1 ติดต่อกัน 3 ปีซ้อนและคาดว่าปีนี้จะได้รับอันดับที 1 เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ,ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน ที่ปัจจุบันอยู่ระดับ 4.5 หมื่นล้านบาทนั้นก็นับว่ามากสุดในอาเซียน เป็นต้น

แต่ในส่วนที่ตลท.ยังเป็นรองตลาดหุ้นอื่นในอาเซียน คือ มาร์เก็ตแคป ซึ่งถูกจัดอยู่อันดับ 2 หรือ 3 โดยมีสิงคโปร์มีมาร์เก็ตแคปสูงเป็นอันดับ 1 แต่เมื่อพิจารณาข้อมูลให้ลึกลงไปจะพบว่าเป็นผลจากการที่มีบริษัทต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนมากพอสมควร เพราะหากนับเฉพาะบริษัทภายในสิงคโปร์เองนั้นนับว่ามีจำนวนปริมาณน้อยกว่าไทยมาก

ดังนั้น จึงต้องพิจารณาถึงความหลากหลาย ความหนาแน่นมีเพียงพอที่จะดึงดูดการเข้ามาจดทะเบียนของบริษัทต่างประเทศหรือไม่ ที่ผ่านมากฎเกณฑ์มีการเปิดกว้างพอสมควรตั้งแต่การรับเอกสารเป็นภาษาอังกฤษบ้างแล้ว แต่บริษัทต่างประเทศเหล่านั้นยังกังวลเรื่องการซื้อขายที่ยังเป็นเงินสกุลบาท ซึ่งบางครั้งต้องเปลี่ยนเป็นสกุลดอลลาร์ หรือเปลี่ยนเป็นสกุลเงินของบริษัทนั้นๆเอง ทำให้ยังคงเป็นอุปสรรคในการที่จะเข้ามาจดทะเบียนในไทย

"เรื่องของตลาดหลักทรัพย์ ยิ่งคล่องยิ่งดึงดูดใจ ยิ่งมากยิ่งดี เราจึงบอกว่า อันแรกเราต้องทำสภาพคล่องด้วย เราจึงต้องมีปริมาณของบริษัทจดทะเบียนที่มี potential growth มากขึ้นๆ เพราะไม่เช่นนั้นจะ serve คนไม่ได้"นางเกศรา กล่าว

นางเกศรา กล่าวว่า การแข่งขันของตลาดทุนทั่วโลกมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งตลท.ต้องเตรียมตัวพิจารณาถึงสินค้าบริการเพื่อไม่ให้มีต้นทุนแพงมากนัก และต้องมีความรวดเร็ว ซึ่งต้องนำระบบคอมพิวเตอร์ ระบบไอทีเข้ามาช่วยงานของตลท.เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ รวมถึงการนำซอฟท์แวร์อื่นเข้ามาเพื่อให้มีการบริการที่หลากหลายมากขึ้น

ส่วนการแปรรูปตลท.นั้น ปัจจุบันตลท.มีสถานะเป็นนิติบุคคลทางกฎหมาย ซึ่งการจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใดๆ ก็ต้องเป็นอำนาจของหน่วยงานราชการที่เป็นผู้ออกกฎหมาย

นางเกศรา กล่าวอีกว่า การพัฒนากลุ่มผู้ลงทุนให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ลงทุนรายบุคคล ซึ่งนอกเหนือจากอบรมก็จะปรับให้เป็นดิจิตอลโดยการเชื่อมต่อโปรแกรมต่างๆ เพื่อให้เข้ากับ settrade เพื่อที่จะให้การซื้อขายของผู้ลงทุนหุ้นจริงๆสามารถมีเครื่องมือการทำงานมากขึ้น นอกจากนี้ยังจะดูแลกิจกรรมอื่นๆทั่วไป ทั้งในกลุ่มสตาร์ทอัพ และเอสเอ็มอีด้วย

"เราปรับหน้างานในเรื่องของการที่ปกติเราจะสอนแต่ผู้ลงทุน เราปรับเพิ่มในการที่จะให้การเรียนรู้กับผู้ประกอบการ เราเริ่มเรื่องสตาร์ทอัพไปแล้ว เรากำลังดูว่าในส่วนเอสเอ็มอีจริงๆจะทำอะไรอย่างไร เพราะไม่เช่นนั้นเรายังคิดว่าเท่าที่เห็นเรามีซัพพลายน้อยเกินไปสำหรับการลงทุน จึงเห็นว่าหลายๆหุ้น หลายๆเรื่องอาจจะเห็นว่าเคลื่อนไหวไม่สมเหตุสมผล"นางเกศรา กล่าว

นางเกศรา กล่าวว่า พื้นฐานที่ตลท.ต้องการเห็นคือเศรษฐกิจของไทยเติบโตในระยะยาว มีความยั่งยืน ตลท.จึงจะได้ให้การดูแลนอกเหนือจากกลุ่มผู้ลงทุน ไปสู่ในเรื่องของผู้ประกอบการ ซึ่งจะแยกเป็นกลุ่มใกล้ๆจะจดทะเบียน ก็จะดูแลแบบหนึ่ง กลุ่มที่อาจไม่เข้ามาจดทะเบียนเลยก็ได้ เช่น เอสเอ็มอี หรือสตาร์ทอัพ ก็จะดูแลอีกแบบหนึ่ง โดย ตลท.อาจจะทำความร่วมมือกับหลายๆหน่วยงานภาครัฐที่มีอยู่เพื่อให้กลุ่มเหล่านั้น เติบโตทำงานเองได้ หรือกลุ่มสตาร์ทอัพพอบริหารงานไปแล้วสามารถขายกิจการออกไป ซึ่งกลุ่มเหล่านี้จะไม่ยึดติดกับการจดทะเบียน แต่เป็นกลุ่มที่จะทำงาน โดยให้เครื่องมือในการบริหารจัดการบริษัทเพื่อให้เติบโต หรือการเปิดโอกาสให้บริษัทเหล่านี้ได้มีพบกับกลุ่มที่มีวัตถุดิบหรือมีแหล่งเงิน ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนให้เกิดความยั่งยืนขององค์กรได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ