ทริสฯ คงอันดับเครดิตองค์กรและแนวโน้ม UU ที่ “A-/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 14, 2016 15:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ (UU) ที่ระดับ “A-" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"

อันดับเครดิตสะท้อนถึงการที่บริษัทมีความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจในระดับต่ำ ตลอดจนอุปสงค์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมน้ำประปา และกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอของบริษัทจากสัญญาขายน้ำขั้นต่ำระยะยาวที่มีการปรับขึ้นราคาตามสูตร อันดับเครดิตของบริษัทยังได้รับการสนับสนุนจากสถานะทางกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัทที่มีต่อบริษัทแม่ คือ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW; อันดับเครดิต "A+/Stable") ด้วย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากความเสี่ยงจากการมีกลุ่มลูกค้าที่ไม่หลากหลายและโอกาสที่ค่อนข้างจำกัดในการขยายธุรกิจไปในพื้นที่บริการใหม่ ๆ

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจที่อยู่ในระดับต่ำและกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากธุรกิจน้ำประปาของบริษัท ปัจจัยที่เป็นบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัทจะเกิดจากการที่บริษัทสามารถขยายธุรกิจได้โดยไม่ทำให้ฐานะการเงินของบริษัทอ่อนแอลง อย่างไรก็ตาม หากบริษัทประสบปัญหาในการเพิ่มทุนหรือมีการลงทุนที่ทำให้เกิดภาระหนี้ที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญก็จะส่งผลลบต่อคุณภาพเครดิตของบริษัท นอกจากนี้ ในกรณีที่คุณภาพเครดิตของ EASTW เปลี่ยนแปลงไปก็จะส่งผลต่อคุณภาพเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน

UU เป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย EASTW บริษัทก่อตั้งในปี 2541 เพื่อดำเนินธุรกิจบริหารกิจการประปาและบริหารระบบบำบัดน้ำเสีย ปัจจุบันบริษัทให้บริการน้ำประปาในเขตพื้นที่บริการ 12 เขต ด้วยกำลังการผลิตรวม 361,660 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน โดยบริษัทมีสัญญารับซื้อน้ำประปาจากคู่สัญญาในปริมาณขั้นต่ำรวม 190,805 ลบ.ม. ต่อวันทั้งในรูปแบบสัญญาสัมปทาน สัญญาจ้างบริหาร และสัญญาเช่าบริหาร รวมทั้งบริการทางวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องด้วย ในปี 2558 บริษัทซื้อหุ้น 90% ใน บริษัท เอ็กคอมธารา จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจน้ำประปาในพื้นที่จังหวัดราชบุรีและสมุทรสงครามมูลค่ารวม 1,918 ล้านบาท บริษัทเอ็กคอมธารามีกำลังการผลิต 48,000 ลบ.ม. ต่อวัน และมีสัญญารับซื้อน้ำประปาจากคู่สัญญาในปริมาณขั้นต่ำ 35,400 ลบ.ม. ต่อวัน

ฐานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทได้รับแรงหนุนจากการมีความเสี่ยงจากการดำเนินงานที่อยู่ในระดับต่ำตามธรรมชาติของธุรกิจน้ำประปาและการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของความต้องการใช้น้ำประปา แม้ว่าการผลิตน้ำประปาจะใช้เทคโนโลยีที่ไม่ซับซ้อน แต่ก็มีอุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจในระดับหนึ่งเนื่องจากผู้ประกอบการต้องมีแหล่งน้ำดิบและสิทธิผ่านทางในการวางท่อส่งน้ำในกรณีที่ต้องมีการวางระบบ รวมทั้งต้องได้รับใบอนุญาตหรือสัมปทานจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องด้วย

บริษัทมีความเสี่ยงจากการมีการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เป็นลูกค้ารายใหญ่แต่เพียงรายเดียวโดยรายได้จาก กปภ. คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สถานะความน่าเชื่อถือของ กปภ. ก็อยู่ในระดับที่รับได้เนื่องจาก กปภ. มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ บริษัทมีโอกาสในการขยายตัวในอนาคตในระดับปานกลางเนื่องจาก กปภ. ไม่มีนโยบายที่จะเปิดประมูลสัมปทานใหม่หรือให้เอกชนดำเนินการแทน ดังนั้น เพื่อรักษาอัตราการเติบโตของบริษัทในธุรกิจนี้ บริษัทจึงต้องหาโอกาสในการขยายธุรกิจประปาจากการหาสัมปทานโดยตรงจากเทศบาลหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ รวมทั้งการให้บริการในพื้นที่ที่ยังไม่มีบริการน้ำประปา

อันดับเครดิตของบริษัทได้รับการสนับสนุนจากสถานะของกลุ่มและอันดับเครดิตของ EASTW ปัจจุบันพื้นที่ให้บริการจำนวน 4 แห่งของบริษัทอยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานที่ EASTW เป็นคู่สัญญา ความร่วมมือของบริษัทกับบริษัทแม่ดังกล่าวทั้งในเรื่องแหล่งน้ำดิบและการดำเนินงานส่งผลให้ผลประโยชน์โดยรวมของกลุ่มเพิ่มขึ้น ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทมีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อบริษัทแม่ค่อนข้างสูงและเชื่อว่าบริษัทจะได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ทั้งในด้านปฏิบัติการและด้านการเงินเมื่อบริษัทต้องการ อย่างไรก็ดี การสนับสนุนจาก EASTW ก็อาจมีจำกัดเมื่อพิจารณาถึงแผนการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทในอนาคต

ฐานะการเงินของบริษัทได้รับการสนับสนุนจากกระแสเงินสดที่มั่นคงและสม่ำเสมอ ในปี 2558 บริษัทมียอดขายน้ำประปารวม 83.7 ล้าน ลบ.ม. เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อนหน้า โดยมีสาเหตุหลักจากการรวมผลดำเนินงานของบริษัทเอ็กคอมธาราเข้ามาในเดือนสิงหาคม 2558 โดยยอดขายน้ำประปาในพื้นที่ให้บริการเดิมของบริษัทเติบโต 5% จากปีก่อนหน้าซึ่งมียอดขายน้ำประปารวม 79.4 ล้าน ลบ.ม.

ในปี 2558 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนหน้าโดยอยู่ที่ 1,145 ล้านบาท ซึ่งรายได้ดังกล่าวไม่รวมรายได้ค่าก่อสร้างภายใต้สัญญาสัมปทานจำนวน 96 ล้านบาท สำหรับไตรมาสแรกของปี 2559 บริษัทมียอดขายน้ำประปาเพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 23.1 ล้าน ลบ.ม. และรายได้เพิ่มขึ้น 27% อยู่ที่ 337 ล้านบาทโดยสาเหตุหลักมาจากการรวมผลการดำเนินงานของบริษัทเอ็กคอมธาราที่มีราคาขายต่อหน่วยสูงที่ระดับ 25.6 บาท/ลบ.ม. เทียบกับราคาขายเฉลี่ยเฉพาะของบริษัทที่ 12.8 บาทต่อ ลบ.ม.

การซื้อกิจการของบริษัทเอ็กคอมธารายังทำให้อัตราการทำกำไรโดยรวมของบริษัทดีขึ้นด้วย โดยบริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายอยู่ที่ 38% ในปี 2558 และ 47% ในไตรมาสแรกของปี 2559 เปรียบเทียบกับระดับ 22%-31% ก่อนซื้อกิจการเอ็กคอมธารา ดังนั้นจึงคาดหมายว่าบริษัทจะมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายไม่ต่ำกว่า 40% ในปี 2559-2561

ฐานะการเงินของบริษัทได้รับผลกระทบจากการซื้อกิจการซึ่งทำให้บริษัทมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นจาก 2,158 ล้านบาทในปี 2557 เป็น 4,831 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นจาก 38.86% เป็น 62.08% ในช่วงเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ดี บริษัทมีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในครึ่งหลังของปี 2559 หรือในไตรมาสแรกของปี 2560 และคาดหมายว่าจะเพิ่มทุนได้จำนวน 1,000-1,600 ล้านบาท โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนไปใช้ในการชำระหนี้ที่ใช้ในการซื้อกิจการ โครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นถ้าการเพิ่มทุนประสบความสำเร็จ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 40% ในขณะที่สภาพคล่องยังคงอยู่ในระดับดีแม้ภาระหนี้จะเพิ่มขึ้น ในไตรมาสแรกของปี 2559 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 18.22% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีโดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือน) และมีอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่าย 11.18 เท่า

ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าในช่วงปี 2558-2560 รายได้ของบริษัทจะเติบโตอย่างน้อย 3% ต่อปีจากอุปสงค์ของน้ำประปาที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอ ในระยะ 12 เดือนข้างหน้าบริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระรวม 1,792 ล้านบาท ซึ่งรวมหนี้ในการซื้อกิจการของบริษัทเอ็กคอมธารา จำนวน 1,600 ล้านบาทและแผนการลงทุนอีก 250-350 ล้านบาทด้วย ทั้งนี้ แหล่งสภาพคล่องของบริษัทจะมาจากเงินทุนจากการดำเนินงานไม่ต่ำกว่า 480 ล้านบาทต่อปี เงินสดและเทียบเท่าเงินสด ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 จำนวน 536 ล้านบาท และเงินที่คาดว่าจะได้รับจากการเพิ่มทุนของบริษัทที่ระดับ 1,000-1,600 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ