(เพิ่มเติม) "เกศรา"มองตลาดหุ้น H2/59 ผันผวนกว่า H1/59 จากปัจจัยลงประชามติร่างรธน.-ผล Brexit-แนวโน้มดบ.เฟด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 29, 2016 18:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในลักษณะผันผวนมากกว่าครึ่งปีแรก โดยตลาดฯ ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตาม ทั้งปัจจัยในประเทศและต่างประเทศ อาทิ เรื่องของการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึงรอติดตามผลกระทบที่จะเกิดขึ้นภายหลังผลโหวตประชามติของประชาชนชาวอังกฤษต้องการให้ออกจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) นอกจากนี้ต้องติดตามถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกาว่าจะออกมาในช่วงไหน เพราะคาดว่าจะมีผลต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทย

อย่างไรก็ตาม ตลาดฯ มีมาตรการดูแลการซื้อขายที่เพียงพอในปัจจุบันแล้ว จึงยังไม่ได้มีมาตรการใหม่ ๆ ออกมาดูแลเพิ่มเติม โดยการเคลื่อนไหวของดัชนีฯ จะปล่อยให้เคลื่อนไหวไปตามปัจจัยแวดล้อม และการผันผวนตามกระแสที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ ประเมินว่าการที่ประชาชนชาวอังกฤษต้องการให้ออกจากอียูนั้น สถานการณ์ปัจจุบันยังตอบไม่ได้ว่าผ่านจุดต่ำสุดไปหรือยัง ซึ่งมองว่าผลกระทบอาจจะต้องพิจารณาในเรื่องผลระยะยาวมากกว่า

อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวมองว่าการที่อังกฤษต้องการออกจากอียูนั้น จะเป็นผลบวกต่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) เพราะคาดว่าการลงทุนต่าง ๆ จะเคลื่อนย้ายมายังกลุ่มเออีซี เพราะยุโรปหรืออังกฤษปัจจุบันยังความไม่แน่นอนสูง ซึ่งประเทศไทยเอง ปัจจุบัน รัฐบาลผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ รวมถึงยังเอื้ออำนวยในเรืองของภาษี เพื่อรองรับให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน โดยน่าจะช่วยสนับสนุนต่อภาคการลงทุนเช่นกัน

ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เตรียมประชุมพิจารณาเพิ่มโทษผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (บจ.) กรณีใช้ข้อมูลภายใน (Inside) ขึ้นแบล็กลิสต์สูงสุดไม่เกิน 10 ปีนั้น โดยส่วนตัวเห็นด้วย เพราะผู้ที่กระทำผิดก็ต้องว่าไปตามความผิดที่ทำเอาไว้ ซึ่งปัจจุบันตลท.ได้ทำ Hearing เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม คาดว่าการเพิ่มโทษขึ้นแบล็กลิสต์สูงสุดไม่เกิน 10 ปี ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาด เพราะมองว่าเป็นเรื่องของตัวบุคคลมากกว่า

นายสมประวิณ มันประเสริฐ ที่ปรึกษาหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวในหัวข้อ "Mindset กับการลงทุนในภาวะตลาดผันผวน" ว่า ประเทศไทยในปัจจุบันยังเป็นมุมมองที่ดี โดยปัจจัยแรกคือเงินทุนสำรองของประเทศไทยยังเข้มเข็งขึ้นต่อเนื่อง หนี้ที่มีกับต่างประเทศก็ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยต่อมาโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยที่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาปรับเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก เนื่องจากประเทศไทยปรับเปลี่ยนจากภาคการผลิตมาเป็นภาคการบริการ ที่เป็นตัวสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมที่กำลังจะเปลี่ยนผ่าน ไม่ว่าจะเป็นพลังงานทางเลือกใหม่ๆ, Digital economy , Fintech และการคมนาคม ที่จะเปลี่ยน

"ประเทศไทยอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ขึ้นในแนวทางที่ช้าลง ทุกวันนี้เราจะโตขึ้นแต่เราจะโตอย่างช้าลง โดยคาดว่า GDP ปีนี้จะอยู่ที่ 3.2% ความผันผวนจะยังคงอยู่กับเราต่อไป เพราะความไม่แน่นอนยังมีอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นการเมืองในประเทศที่ประเทศไทยจะต้องมีการลงประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เรื่องภัยธรรมชาติ เรื่องเศรษฐกิจประเทศจีนที่ชะลอตัวลง การทำนโยบายทางการเงินที่ไม่แน่นอนและแตกต่างกันในแต่ละประเทศ แสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนที่จะส่งผลให้เกิดความผันผวนอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีนี้"นายสมประวิณ กล่าว

สำหรับความผันผวนที่ยังคงอยู่กับตลาดเงิน ตลาดทุนอย่างต่อเนื่องนั้น การลงทุนระยะสั้นเป็นสิ่งที่อันตราย แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีความเสี่ยงมาก ความไม่แน่นอนสูง แนะนำให้กระจายความเสี่ยงไปในหลายๆสินทรัพย์ หลากหลายอุตสาหกรรม และเลือกลงทุนในวัฏจักรที่โลกกำลังจะก้าวต่อไป ซึ่งเชื่อว่าการลงทุนในรูปแบบนี้จะช่วยให้นักลงทุนฝ่าวิกฤตที่เกิดขึ้นได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ