นายนิพิฐ อรุณวงษ์ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.นวนคร (NNCL) คาดผลประกอบการปีนี้พลิกมีกำไรสุทธิ และรายได้เติบโตเกิน 20% ตามยอดขายที่ดินเพิ่ม โดยในไตรมาส 2/59 เชื่อว่าจะกลับมามีกำไร แม้ในไตรมาส 1/59 จะขาดทุนก็ตาม ขณะที่การขยายตัวของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมยังมีสัญญาณที่ดีทั้งลูกค้ารายเก่าที่ซื้อที่ดินเพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่ม และลูกค้ารายใหม่ที่เข้ามา
"ปีนี้ผลประกอบการดีขึ้นแน่นอน Q2 ก็ทำกำไรได้ ทั้งปีมีกำไรแน่นอน เพราะการปรับโครงสร้างหลาย ๆ อย่าง และยอดขายที่ดินที่เพิ่มขึ้นทั้งสองนิคมฯทั้งนวนคร และโคราช อีกทั้งโครงการโรงไฟฟ้านวนครที่เริ่มเปิดดำเนินการในปีนี้ก็จะช่วยหนุนผลประกอบการปีนี้ด้วยส่วนหนึ่ง แต่คาดว่าจะได้ประโยชน์เต็มที่ในปีหน้า"นายนิพิฐ กล่าว
อนึ่ง NNCL มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิต่อเนื่อง 2 ปีนับตั้งแต่ปี 57 โดยปีที่แล้วมีผลขาดทุนสุทธิ 143.87 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รายได้การให้บริการและค่าเช่า 1.03 พันล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 1/59 มีผลขาดทุนสุทธิ 7.1 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รายได้การให้บริการและค่าเช่า 146 ล้านบาท
นายนิพิฐ กล่าวว่า ลูกค้าในนิคมฯของบริษัทที่ปัจจุบันมีอยู่ 2 แห่ง คือนวนคร ในจ.ปทุมธานี และนวนคร นครราชสีมา ในอ.สูงเนิน จ.นครราชสีมานั้น มีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยลูกค้าในนิคมฯนวนคร เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของลูกค้าเก่าที่มีการขยายกำลังการผลิต เช่น คูโบต้า,ลูกค้าในกลุ่มอาหารรายใหญ่ ,นิสชิน ,ฮะจิบัง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีลูกค้าใหม่ที่เข้ามาซื้อพื้นที่เดิมที่ลูกค้าเก่าบางรายย้ายออกไปด้วย ก็น่าจะทำให้มีการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำ ซึ่งเป็นโครงการสาธารณูปโภคของบริษัทมากขึ้นด้วย
ปัจจุบันพื้นที่นิคมฯนวนคร มีทั้งหมด 6,700 ไร่ มีพื้นที่เหลือรอการขายให้กลุ่มอุตสาหกรรมราว 400 ไร่ ส่วนอีกกว่า 100 ไร่บริเวณหน้าถนนใหญ่กันพื้นที่ไว้เพื่อรอพัฒนาเป็นคอมมูนิตี้มอลล์นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของการพัฒนาระบบขนส่งทางรางของประเทศ หลังล่าสุดได้เจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ขยายเส้นทางสำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดงส่วนต่อขยายจากรังสิต-ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต โดยให้ขยายอีก 3 กิโลเมตรถึงนิคมฯนวนคร จากแผนเดิมจะอยู่การขยายโครงการระยะที่ 2 เส้นทางจากม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ไปถึงจ.พระนครศรีอยุธยา
เนื่องจากเห็นว่าการดึงสถานีบริเวณนิคมฯนวนคร มาลงทุนในระยะแรกนั้น จะทำให้มีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากประมาณการเดิม ซึ่งหากได้ข้อสรุปในส่วนนี้ก็พร้อมที่จะตัดสินพัฒนาพื้นที่ของบริษัทในเชิงพาณิชย์ต่อไป
ส่วนพื้นที่นิคมฯนวนคร นครราชสีมานั้น ปัจจุบันมีพื้นที่ 2,000 ไร่ โดยมีพื้นที่เหลือรอการขาย 600-800 ไร่ ซึ่งในส่วนนี้จะกันพื้นที่ราว 130 ไร่เพื่อพัฒนาเป็นคอมมูนิตี้มอลล์เช่นกัน
นายนิพิฐ กล่าวอีกว่า แผนการสร้างนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 3 ที่เดิมมองไว้ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรานั้น ขณะนี้ได้ชะลอโครงการออกไป และหันมาเน้นการพัฒนาโครงการสาธารณูปโภค ซึ่งมองความร่วมมือกับพันธมิตรเดิม คือ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) และ บมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ในการทำโรงไฟฟ้าในนิคมฯนวนคร นครราชสีมาด้วย