บลจ.บัวหลวง คาด Fund Flow ไหลเข้าถึงสิ้นปีแรงหนุนหวังเลือกตั้งตามโรดแมพ,ออกกองตราสารหนี้ ตปท.สู้ดบ.ต่ำ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 8, 2016 17:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา Managing Director, Chief Investment Officer บลจ.บัวหลวง คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้า (Fund Flow) ไหลเข้ามาเพิ่มขึ้นในตลาดหุ้นไทยนับจากนี้จนถึงสิ้นปี เนื่องจากที่คาดว่าประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งตามโรดแมพของรัฐบาลที่วางไว้ หลังจากที่ผลการลงประชามติผ่านร่างรัฐธรรมนูญแล้ว

ประกอบกับมีการปรับคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโต 3.2-3.3% จากเดิมคาดโต 2.8-2.9% ทำให้มีการปรับคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังจะมีการลงทุนของโครงการภาครัฐ และจะมีการลงทุนของเอกชนตามมาด้วย โดยในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา มีเงินทุนจากต่างประเทศเข้าตลาดหุ้นไทยราว 8 หมื่นกว่าล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่นักลงทุนยังวิตกกังวลผลกระทบจากเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว ความผันผวนของสินทรัพย์เสี่ยง ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลหลายประเทศที่ติดลบจากสภาพคล่องที่มีมากเกิน ซึ่งเป็นผลจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน ของธนาคารกลางในประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น อังกฤษ เป็นต้น โดยมีสภาพคล่องเข้าสูระบบเดือนละ 1.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มูลค่าตราหนี้ทั่วโลกมีอยู่ 13 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวลงมาต่ำกว่า 2% และอัตราดอกเบี้ยในประเทศอยู่ในอัตราที่ต่ำมาก

บลจ.บัวหลวง จึงแสวงหาการลงทุนที่ตอบโจทย์นักลงทุนที่ไม่ต้องการความเสี่ยงสูง แต่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอ จึงได้ออก"กองทุนเปิดบัวหลวงไฮยิลด์" (B-HY) ซึ่งเป็นกองทุนต่างประเทศที่ลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนหลักชื่อ AXA World Funds - US High Yield Bonds USD ซึ่งให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนเมื่อปี 49 เนื่องจากกองทุนหลักมีทีมงานผู้จัดการกองทุนที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ภาพรวมทางเศรษฐกิจ และเชี่ยวชาญในการเลือกสรรตราสารหนี้เป็นรายบริษัท

"คาดว่าจะให้ผลตอบแทน 5-6% ต่อปีตามดอกเบี้ยที่อยู่หน้าตั๋ว Coupon rate) ยังไม่นับราคาที่ซื้อขายกัน"นายพีรพงศ์ กล่าว

นายพีรพงศ์ กล่าวถึงความโดดเด่นของไฮยิลด์บอนด์สหรัฐฯ ว่า เป็นตราสารหนี้ที่ราคาแปรผันไปตามภาวะเศรษฐกิจและผลกำไรของบริษัทจนคล้ายกับหุ้น แต่ผันผวนน้อยกว่า ทั้งยังให้กระแสเงินสดคืนแก่นักลงทุนมากกว่าเงินปันผลหุ้นอีกด้วย และด้วยเหตุที่ไฮยิลด์บอนด์มีเรตติ้งต่ำกว่า Investment Grade (ต่ำกว่า BBB- ลงมา) ทำให้ผู้ออกตราสารต้องจ่ายผลตอบแทนสูงกว่าพวก Investment Grade เพื่อจูงใจนักลงทุน ที่สำคัญในเวลานี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังฟื้นตัวอย่างเป็นลำดับ ทำให้โอกาสเกิดการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งเป็นความเสี่ยงสำคัญสุดนั้น ลดต่ำลง จึงสร้างโอกาสให้ได้รับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ

"ดอกเบี้ยต่ำ หุ้นก็ผันผวน คำแนะนำ คือถ้ายอมแพ้ก็ได้ดอกเบี้ยต่ำ แต่ถ้าไม่ยอมแพ้ ยอมเสี่ยงลงทุนหุ้น แต่ก็มีทางเลือกลงทุนกองทุนเปิดบัวหลวงไฮยิลด์ ที่ลงทุนบอนด์ที่ต่ำกว่า Investment grade ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเขาจะผิดนัดชำระหนี้ การลงทุนทางนี้จะให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ" นายพีรพงศ์ กล่าว

“กองทุนเปิดบัวหลวงไฮยิลด์" (B-HY)เสนอขายแก่นักลงทุนรายใหญ่หรือนักลงทุนสถาบัน และผู้มีเงินลงทุนสูง รวม 2 กองทุน คือ 1) กองทุนเปิดบัวหลวงไฮยิลด์ (เฮดจ์ 75) ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของเงินลงทุนในต่างประเทศ และ 2) กองทุนเปิดบัวหลวงไฮยิลด์ (อันเฮดจ์)ไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน โดยทั้ง 2 กองทุน กำหนดให้นักลงทุนขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติไม่เกินปีละ 4 ครั้ง โดยจะเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ระหว่าง 16-23 ส.ค.59 มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก 510,000 บาท และครั้งถัดไป 10,000 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ