TNDT คาดกำไรสุทธิลดลงจากค่าใช้จ่ายลงทุนโรงไฟฟ้าในเมียนมา เตรียมดึงพันธมิตรญี่ปุ่นร่วมทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 6, 2016 14:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ชมเดือน ศตวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทย เอ็น ดี ที (TNDT) คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้น่าจะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน จากครึ่งปีแรกทำได้เพียง 1.22 ล้านบาท และปีก่อนอยู่ที่ 61.24 ล้านบาท เป็นผลมาจากการเข้าไปลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินขนาด 10 เมกะวัตต์ จำนวน 2 ยูนิต ส่งผลให้กำไรปรับตัวลดลง ประกอบกับ ช่วงที่ผ่านภาวะอุตสาหกรรม Oil & Gas ชะลอตัวลง ทำให้งานออกมาค่อนข้างน้อย

ขณะที่รายได้ปีนี้คาดว่าน่าจะดีกว่าปีก่อนที่ 431.50 ล้านบาท จากอุตสาหกรรม Oil&Gas เริ่มปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยแล้วในระยะนี้ โดยบริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งในตลาดต่างประเทศและในประเทศ ซึ่งบริษัทยังมีงานในกลุ่มลูกค้าเดิมเข้ามาเพิ่มขึ้น เนื่องจากสายสัมพันธ์ทางธุรกิจ ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า โดยเฉพาะในกลุ่มโครงสร้างขนาดใหญ่ (Construction) อีกทั้งยังได้พัฒนาการให้บริการกับลูกค้าให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่การทำวิจัยและพัฒนาต่อเนื่องจนถึงขั้นตอนการตรวจสอบ เพื่อให้ลูกค้าและบริษัทได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างสูงสุด

ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 300 ล้านบาท แบ่งเป็นงานภายในประเทศ 200 ล้านบาท และต่างประเทศ 100 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด และอยู่ระหว่างการเข้าประมูลงานเพิ่มอีก มูลค่ารวม 140 ล้านบาท แบ่งเป็นงานตรวจสอบและทดสอบระบบความปลอดภัย การวางท่อก๊าซต่างๆ ,บล็อกวาล์ว และโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) จำนวน 6 แห่ง คาดว่าจะทราบผลได้ในไตรมาส 4/59 ซึ่งน่าจะผลักดันงานในมือในปีหน้าเพิ่มขึ้น จากขณะนี้มีงานในมือ รองรับการรับรู้รายได้ในปีหน้าอยู่แล้วที่ 320 ล้านบาท

"ท่ามกลางวิกฤต Oil & Gas TNDT ยังมีโอกาสทางธุรกิจ เพราะลูกค้าที่ทำงานร่วมกันมายาวนาน ยังไว้วางใจมอบงานให้บริษัทฯเป็นผู้ดูแล และเราก็พยายามพัฒนาการให้บริการให้เป็นไปอย่างครบวงจร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับงาน ซึ่งจะทำให้ทั้งบริษัทฯและลูกค้าได้รับประโยชน์ร่วมกัน และน่าจะส่งผลดีต่อเป้าหมายที่วางไว้ได้"น.ส.ชมเดือน กล่าว

สำหรับธุรกิจพลังงานที่บริษัทได้รับสัมปทานโครงการโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินขนาด 10 เมกะวัตต์ จำนวน 2 ยูนิต ในอำเภอท่าขี้เหล็ก จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี ขณะนี้ได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับรัฐบาลแห่งสหภาพเมียนมาเรียบร้อยแล้ว คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จและเชื่อมสายส่งไฟฟ้าได้ภายในปลายปี 60 และน่าจะรับรู้รายได้เข้ามาในต้นปี 61 ทำให้สัดส่วนรายได้ของธุรกิจพลังงานขยับเพิ่มขึ้นมากกว่าธุรกิจให้บริการตรวจสอบและทดสอบทางวิศวกรรมความปลอดภัย ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 100%

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมเซ็นสัญญากับพันธมิตรญี่ปุ่น ในการเข้าร่วมลงทุนโครงการดังกล่าวในช่วงไตรมาส 3/59 เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาเรื่องของสัดส่วนการถือหุ้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งขณะนี้โครงการดังกล่าว TNDT Power ถือหุ้นในสัดส่วน 90% และพันธมิตรประเทศเมียนมาถือหุ้น 10%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ