(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นขึ้น-โดยรวมอาจแกว่งแคบ หลังราคาหุ้นหลายตัวถูก-ผลประชุม BoE เป็นไปตามคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 16, 2016 09:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง เนื่องจากตลาดบ้านเราที่ผ่านมาก็ถือว่าปรับตัวลงแรงและลงไปก่อนคนอื่น แต่โดยรวมดัชนีฯอาจแกว่งในกรอบแคบ

"ตอนนี้หุ้นหลายตัวก็มีราคาถูกมากขึ้น อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนกล้าเข้ามาซื้อมากขึ้น ดังนั้นดัชนีฯจึงมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นมากกกว่าปรับตัวลง"

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยประเด็นความกังวลธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เบาลงแล้ว และราคาน้ำมันก็ได้ปรับขึ้นเล็กน้อย ส่วนผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ก็ไม่ได้มีอะไร พร้อมให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯในวันนี้

โดยให้แนวรับ 1,450-1,457 จุด ส่วนแนวต้าน 1,4668-1,480 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 ก.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,212.48 จุด พุ่งขึ้น 177.71 จุด (+0.99%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,249.69 จุด เพิ่มขึ้น 75.92 จุด (+1.47%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,147.26 จุด เพิ่มขึ้น 21.49 จุด (+1.01%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 53.73 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.91 จุด ส่วนตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการเนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการเนื่องในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการเนื่องในวันเฉลิมฉลองการจัดตั้งสหพันธรัฐมาเลเซีย
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 ก.ย.59) 1,463.39 จุด เพิ่มขึ้น 5.20 จุด (+0.36%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,422.82 เมื่อวันที่ 15 ก.ย.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 ก.ย.59) ปิดที่ 43.91 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 33 เซนต์ หรือ 0.8%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 ก.ย.59) ที่ 6.92 หรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.84 กลับมาแข็งค่าจากแรงขายดอลล์หลังตัวเลขศก.สหรัฐต่ำกว่าคาด
  • "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์"รองนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในการแถลง ผลงานรัฐบาลในรอบ 2 ปี ว่า ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องว่าควรออกมาตรการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย แก้ปัญหาและลดภาระหนี้สินให้ประชาชนเพิ่มเติม รวมทั้งปรับโครงสร้างหนี้ให้เกษตรกรให้มีเงินใช้จ่ายเพียงพอ ซึ่งจะส่งผลให้เอกชนตัดสินใจลงทุน
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยในสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้ประกอบธุรกิจรับฝากทรัพย์สิน (คัสโตเดียน) มาชี้แจงรายละเอียดที่ ธปท.สั่งการให้ต้องรายงานประเภทผู้ถือตราสารหนี้ (บอนด์) ทั้งของภาครัฐและของเอกชน ตามที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว
  • หอการค้าเปิดผลสำรวจพบหนี้ครัวเรือนไทยพุ่งขึ้นกว่า 20% สูงสุดรอบ 9 ปี ชี้ไม่น่าห่วงเหตุมีทรัพย์สินหนุนหลัง สวนทางหนี้นอกระบบที่ลดลงเหลือ 37% ต่ำสุดรอบ 8 ปี
  • ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุน เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่ มี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมาได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายกองทุนฯ ประจำปีงบประมาณ 2560 วงเงิน 9,884 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้จ่ายในโครงการด้านอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 101 โครงการ
  • แหล่งข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การเบิกจ่ายงบประมาณ 2559 วงเงิน 2.72 ล้านล้านบาท พบว่า ช่วง 11 เดือนของปีงบประมาณ เบิกจ่ายได้ 2.36 ล้านล้านบาท หรือ 86.92% ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย 0.15% แบ่งเป็นงบประจำเบิกจ่ายได้ 2.04 ล้านล้านบาท หรือ 94.09% ของวงเงิน 2.17 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้า 4.55%
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ดีขึ้น แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงในประเทศ คือ ความต่อเนื่องของการบริโภคที่สูงขึ้นในไตรมาส 2 ว่าจะโตต่อเนื่องได้หรือไม่ และปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในสถาบันการเงิน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่โตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ยังไม่ได้กระจายตัวไปในทุกส่วน ทำให้มีปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เพิ่มขึ้นในบางภาคธุรกิจ อาทิ เอสเอ็มอี พาณิชยกรรมในต่างจังหวัด ดังนั้นต้องจับตาดูว่าหนี้เสียจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หรือไม่
  • ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำใน ก.ย.59 อยู่ในระดับ 52.23 จุด ลดลงจากเดือนก่อน 11.51 จุด หรือลดลงกว่า 18.07% จากระดับ 63.74 จุด สะท้อนให้เห็นว่าราคาทองมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงได้ในช่วงที่เหลือของเดือนกันยายน เพราะมีปัจจัยกดดันราคาทองคำ คือ ทิศทางนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า เงินบาทแข็งค่าและมีแรงขายเก็งกำไร นอกจากนี้ยังพบว่าจากความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลก และความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยนั้นกลุ่มตัวอย่างจะซื้อทองคำในช่วงหนึ่งเดือนข้างหน้าประมาณ 47.84% ขณะที่ 35.14% ยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำหรือไม่และอีก 17.03% จะยังไม่ซื้อ

*หุ้นเด่นวันนี้

  • IVL (ยูโอบี เคย์เฮียน) แนวโน้มในครึ่งปีหลังยังดีต่อเนื่อง ในขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมา 20% นับตั้งแต่จุดสูงสุด เรามองว่ารับข่าวร้ายไปพอสมควรแล้ว ในขณะที่การลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งจะไม่ได้รับผลลบจากปัจจัยในประเทศมาก นอกจากนี้ยังได้ผลดีจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงเมื่อคืน
  • CENTEL (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 47 บาท ช่วง 2H59 คาดโตสดใส YoY หลังธุรกิจเที่ยวไทยยังแกร่ง ส่วนธุรกิจอาหารยังออกสินค้าและโปรโมชั่นใหม่ๆ โดยปี 59 คาดกำไรปกติโต 7.7%YoY และโตต่อ 10.9%YoY ในปี 60 และ Upside 19.7% และมี Upside Risk หลังกำลังศึกษาร่วมมือสร้างโรงแรมในปั๊ม ปตท. และซื้อแบรนด์ร้านอาหารในไทยเพิ่ม
  • EPG (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 17.50 บาท ปี59/60 คาดกำไรปกติโต 32.9%YoY และโตต่อ19.2%YoY ในปี 60/61 จากการโตทั้งธุรกิจฉนวนยางอุปกรณ์ยานยนต์และบรรจุภัณฑ์อีกทั้งคาด TJM จะมีผลดำเนินงานที่ดีขึ้นหลังเปลี่ยนระบบจัดซื้อสินค้าและธุรกิจบรรจุภัณฑ์จะกลับมาโตหลังใช้เครื่องจักรใหม่ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และมี Upside 28.6%
  • WHA (โกลเบล็ก) เป้า Consensus เฉลี่ย 3.73 บาท ปลายปีมีแผนจัดตั้ง HREIT มูลค่าไม่เกิน 8,690 ลบ.สินทรัพย์เป็นโรงงานและคลังสินค้าให้เช่านิคมฯเหมราช ยื่นไฟลิ่งแล้ว คาดเข้าตลาด 4Q59-1Q60 และมีแผนลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยด้วยการลดหนี้จากการนำเงินสดที่ได้จากการจัดตั้งกอง REIT ตั้งเป้าลด D/E เหลือ 1 เท่าในปลายปี 63 จาก 2.54 เท่า ณ ปลายมิ.ย 59
  • BA (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 28.60 บาท สายการบินที่ครองการเข้าถึงเกาะสมุย แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตตลอดกาลมากที่สุด และมีศักยภาพการเติบโต จาก EBITDAR margin 30% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมที่ 24.5% และ EV/EBITDA อยู่ที่เพียง 7.65 เท่า เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของสายการบินในเอเชียแปซิฟิกที่ 19 เท่า, แนวโน้มต้นทุนน้ำมันทรงตัวในระดับต่ำหนุนอัตราการทำกำไร, ปริมาณผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศเติบโตแข็งแกร่งจากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว, เข้าถึงผู้โดยสารทั่วโลก แบบไม่ต้องลงทุนผ่านการ Code Share Agreement และผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนใน SPF (BA ถือ 30.43%) และ BDMS (BA ถือ 7.83%)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ