(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่ง Sideway รอดูผลประชุมเฟด-BOJ ,Fund Flow ชะลอ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 20, 2016 09:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway เนื่องจากรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ เป็นหลัก ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ

ทั้งนี้ ตลาดฯเริ่มมีสัญญาณเตือนจากแรงขายทำกำไรที่มากขึ้น และ Fund Flow ชะลอ หลังวานนี้เริ่มกลับมาเห็นนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 3 พันล้านบาท หลังจากที่ re-balance ของ FTSE จบแล้ว

พร้อมให้แนวรับ 1,480 จุด ส่วนแนวต้าน 1,500 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 ก.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,120.17 จุด ลดลง 3.63 จุด (-0.02%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,235.03 จุด ลดลง 9.54 จุด (-0.18%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,139.12 จุด ลดลง 0.04 จุด (0.00%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 116.07 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.12 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 56.44 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 11.67 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 1.28 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 7.82 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.20 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 ก.ย.59) 1,492.73 จุด เพิ่มขึ้น 13.66 จุด (+0.92%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,450.60 เมื่อวันที่ 19 ก.ย.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 ก.ย.59) ปิดที่ 43.30 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.6%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 ก.ย.59) ที่ 7.36 หรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.82 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ ตลาดจับตาทิศทางดอกเบี้ย FED-BOJ
  • แบงก์ชาติเผยธุรกรรมบาทเน็ตมี 3.53 แสนรายการ มูลค่า 78.51 ล้านล้านบาท ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นตามธุรกรรมโอนเงินภายในสถาบัน ซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลและธุรกรรมชำระดุลเช็ครอบปกติ
  • รมช.คลัง เปิดเผยว่า ตราสารหนี้ของไทยเป็นที่สนใจของนักลงทุนไทยทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากให้ผลตอบแทนสูงกว่าในหลายประเทศทั่วโลก โดยตราสารหนี้อายุ 10 ปี ของไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีอัตราผลตอบแทนตั้งแต่ 1.5-2% กว่า หรือเฉลี่ย 1.03% แม้จะไม่สูงมาก แต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่น เช่น ญี่ปุ่น ที่มีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในขณะนี้ติดลบ เพื่อเป็นการลดสภาพคล่องในตลาดการเงิน
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย รายงานสาเหตุการปรับเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่ยังไม่ได้กันสำรอง (Gross NPLs) ของธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศและสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศในไตรมาส 2 ปีนี้ เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า พบว่าเอ็นพีแอลโดยรวมอยู่ที่ 6.51 หมื่นล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 1,726 ล้านบาท หรือ 2.58%
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานมีเป้าหมายจะยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 ภายในเดือนมกราคม 2561 แต่หากกรณีเอกชนมองว่าไม่พร้อมเพราะมีปัญหาเรื่องน้ำมันเบนซินพื้นฐาน (จีเบส 95) ไม่เพียงพอและต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ต้องดูเหตุผลและข้อเท็จจริง โดยกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กำลังติดตามใกล้ชิด
  • พาณิชย์เผยยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่เดือนสิงหาคมแตะ 6,200 ราย สูงสุดในรอบ 8 เดือน ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ คาดทั้งปีไม่ต่ำกว่า 6 หมื่นราย ส่วนธุรกิจค้าสลากครองยอดเลิกกิจการสูงสุด
  • รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีว่า ได้ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 พบว่ายังน่าเป็นห่วงกลุ่มเกษตรกร เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรยังอ่อนตัว รองนายกฯ จึงมอบหมายให้กระทรวงการคลังมีมาตรการช่วย 2 เรื่อง คือ ลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ โดยจะเสนอมาตรการต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SMT (เคจีไอ) เป้า 8.25 บาท ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2H59 โต HoH จากออเดอร์สินค้า High margin ทีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและจะรับรู้ผลบวกจากประเด็นนี้เต็มปีในปี 2560 (คาด EPS โต 60% CAGR 2559 - 2561) ด้านรูปแบบราคาฟื้นตัวต่อเนื่อง หากวันนี้ยืนเหนือ 6.05 บาทได้ ประเมินมีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 6.3 บาท (เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน) และถัดไปที่ 6.5 บาท (แนวต้านเทรนไลน์ขาลง) แนวรับ 5.8 บาท
  • JMT (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 19.30 บาท เป็นหุ้นที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิสูงโดยมี CAGR เฉลี่ยปี 2559-2561 ที่ 46% หลังคาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วตั้งแต่ไตรมาส 1/59
  • THAI (โกลเบล็ก) เป้า consensus สูงสุด 35.7 บาท โดย Consensus คาดงบปี 2559 จะพลิกเป็นกำไรราว 1 หมื่นล้านบาท จาก Cabin factor ทรงตัวระดับสูงราว 70% รวมถึงได้ประโยชน์จากต้นทุนราคาน้ำมันลดลง และการปิดเส้นทางบินที่ไม่ทำกำไรออกไป และคาดมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยนราว 1 - 1.4 พันล้านบาท จากค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง เนื่องจากมีหนี้สินในรูปยูโรราว 40% และ P/BV ที่ 1.5 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยนกลุ่มที่ 2.7 เท่า
  • EPG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 16 บาท แม้ว่าธุรกิจของ EPG (ชิ้นส่วนรถที่เป็นพลาสติก, ฉนวนยาง, บรรจุภัณฑ์พลาสติก) จะเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ แต่มีลักษณะ defensive พอสมควรเพราะบริษัทมีฐานการผลิตและตลาดกระจายอยู่หลายประเทศทั่วโลก จึงได้รับผลกระทบจำกัดหากเศรษฐกิจของประเทศใดประเทศหนึ่งแย่ไป ผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมายังพิสูจน์ว่าไม่ถูกกระทบจากราคาน้ำมันดิบและอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน ราคาหุ้นปัจจุบันมี Forward PE 20 เท่า ปรับลงจากในช่วงก่อนหน้าที่อยู่ที่ 24-25 เท่า และต่ำกว่าการเติบโตของกำไรเฉลี่ยใน 2 ปีนี้ที่ 22%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ