ตลท.เตรียมรับ Active REIT กองแรกเข้าจดทะเบียนก่อนสิ้นปีนี้ ขนาด 500-5,000 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 27, 2016 18:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสันติ กีระนันทน์ รองผู้จักการ หัวหน้าสายงานออกหลักพทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ภายในปีนี้จะมีกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ประเภท Active REIT เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็นกองแรก โดยมีมูลค่ามากกว่า 500 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 5,000 ล้านบาท สินทรัพย์เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นโรงแรม หรือห้างสรรพสินค้า ซึ่งจะสามารถเป็นได้ทั้งสินทรัพย์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ (freehold) และในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ (leasehold)

กองทรัสต์ประเภทดังกล่าวจะสามารถปรับโครงสร้างสินทรัพย์ภายในกองทุนเพื่อทำกำไร แตกต่างจากกองรีทในปัจจุบันที่เน้นถือครองสินทรัพย์เพื่อรับรู้รายได้จากการบริหารสินทรัพย์เพียงอย่างเดียว แต่กองทรัสต์ประเภท Active Reit อาจจะมีความเสี่ยงที่สูงกว่า

นายสันติ กล่าวว่า สภาวะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำ ทำให้นักลงทุนมองหาการลงทุนอื่นนอกหุ้นที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งกองทุนอสังหาริมทรัพย์และกอง REIT เป็นอีกทางเลือกที่ให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าตราสารหนี้ และความเสี่ยงนั้นค่อนข้างน้อยกว่าหุ้น โดยตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน กองทุนอสังหาริมทรัพย์และกองรีทส์ ให้เงินปันผลคิดเป็น 4.87% เทียบกับหุ้นอสังหาริมทรัพย์อยู่เพียง 3.27% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผลตอบแทนจากการลงทุนกองทุนนั้นมากกว่า และมีความเสี่ยงที่น้อยกว่า

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังจะมีกอง REIT เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มอีก 2-3 กองทุน

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงไทย กล่าวในประเด็น "รู้จัก เจาะลึก REIT,Property Fund อีกทางเลือกหนึ่งของการลงทุน" ว่า REIT และ Property Fund ในปีหน้าจะเริ่มเข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มเดียวกัน โดยข้อดีของ REIT สามารถกู้ได้ ลงทุนในต่างประเทศและในประเทศได้ และยังให้ผลตอบแทนจากการลงทุนค่อนข้างสูง ขณะที่ Property Fund มีผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ แต่มีข้อจำกัดในการขยายขนาดของกองทุน

ทั้งนี้ ปัจจุบันทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุญาตให้มีการย้ายกองทุนอสังหาริมทรัพย์รูปแบบเดิม หรือ Property Fund มาเป็น REIT คาดว่าจะสิ้นสุดภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งหากมีการขยายมาตรการออกมาอีก คาดว่าจะมีการย้ายมาเป็น REIT มากขึ้น เนื่องด้วยสามารถเติบโตต่อเนื่องได้ และสามารถกู้ได้

สำหรับนักลงทุนที่อยากจะลงทุนที่ให้ผลตอบแทนราว 4-6% แนะนำให้ลงทุนใน Property Fund ขณะเดียวกันก็จะมีการลงทุนแบบโดยตรงผ่านกองทุน ที่จะมีการนำเอาสินทรัพย์นั้นๆเข้ามาอยู่ในกองทุน ซึ่งจะตอบโจทย์นักลงทุนที่เข้าใจในสินทรัพย์นั้นๆ สามารถเห็นผลตอบแทนได้อย่างชัดเจน หรืออยากจะเห็นเสถียรภาพของกองทุน ก็ควรจะลงทุนในกองทุนที่มีการผสม หรือนำเอาสินทรัพย์หลายสินทรัพย์มารวมกัน อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะลงทุนแบบไหน ผลตอบแทนที่ได้รับก็จะสม่ำเสมอในแต่ละช่วงของเวลา

ด้านนายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า การลงทุนของนักลงทุนทั่วไป นอกจากจะดูว่าเป็นการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบฟรีโฮลด์และลีสโฮลด์แล้ว ยังต้องไปดูในเรื่องของโครงสร้างรายได้ที่ได้มามีการกระจายตัวหรือไม่ หรือเป็นแบบผู้เช่ารายเดียว อีกทั้งการเลือกลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ก็ต้องมีการกระจายความเสี่ยงของพอร์ต

นอกจากนี้นักลงทุนสามารถเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในตลาดโดยตรง ,เข้าซื้อรีทส์ หรืออีกทางเลือกหนึ่ง คือการซื้อกองทุน ซึ่งนักลงทุนไม่จำเป็นต้องไปดูเรื่องของโครงสร้างกระแสเงินสด และการกระจายตัวของสินทรัพย์เป็นอย่างไร เนื่องด้วยผู้จัดการกองทุนจะเป็นผู้ดูตรงนี้ให้ ฉะนั้นการลงทุนผ่านกองทุนก็จะง่ายขึ้น

สำหรับนักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนราว 5-7% ก็ควรจะมีสินทรัพย์ประเภทนี้อยู่ในพอร์ตประมาณ 10-20% ส่วนอื่นก็คงจะเป็น Equty หรือหุ้น ในสัดส่วน 30% ขึ้นไปของการลงทุนใน 3-5 ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ