โบรกฯเชียร์"ซื้อ"SVI มองผลงานเริ่มฟื้นตัวใน H2/59 ก่อนเติบโตดีในปีหน้า,ราคาหุ้น Laggard กว่ากลุ่มฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 7, 2016 15:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้นบมจ.เอสวีไอ (SVI) หลังมองความน่าสนใจลงทุนเริ่มกลับมา จากแนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงครึ่งหลังปีนี้น่าฟื้นตัว หลังผ่านจุดต่ำสุดไปในแล้วในครึ่งปีแรก และจะเห็นผลกำไรปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในปี 60 เนื่องจาก SVI ได้มีการแก้ไขปัญหาในเรื่องของการผลิต จนสามารถเดินเครื่องจักรได้ดีขึ้นส่งผลให้การใช้กำลังการผลิตดีขึ้น รวมถึงในช่วงไตรมาส 3/59 ก็เป็นช่วงไฮซีซั่นของการส่งออกสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ด้วย

อีกทั้งปีนี้ยังเป็นปีแรกที่จะรับรู้รายได้กลุ่มบริษัท Seidel Electronics ในยุโรปตะวันออก หลังจากได้ซื้อกิจการเข้ามา และจะรับรู้รายได้จากกลุ่มบริษัทดังกล่าวเต็มปีในปีหน้า ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อประกอบการของ SVI ในปี 60 ที่จะทำให้กำไรจากการดำเนินงานเติบโตได้ดีมากเมื่อเทียบกับปีนี้ที่กำไรจากการดำเนินงาน น่าจะทำได้เพียงระดับทรงตัวจากปีที่แล้ว

ขณะที่ราคาหุ้น SVI ได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว จนทำให้หุ้น Laggard มากสุดในกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์

ราคาหุ้น SVI ช่วงบ่ายอยู่ที่ 4.90 บาท ลดลง 0.06 บาท (-1.21%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.77%

          โบรกเกอร์                         คำแนะนำ            ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          โนมูระ พัฒนสิน                      ซื้อ                    6.20
          เคจีไอ (ประเทศไทย)                ซื้อ                    5.90
          ฟินันเซีย ไซรัส                      ซื้อ                    5.60
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)                 ซื้อ                    5.15
          กรุงศรี                            ซื้อ                    5.50

น.ส.สุรีย์พร ทีวะสุเวทย์ นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า SVI น่าจะมีผลกำไรที่ผ่านสุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงครึ่งแรกปีนี้ และคาดว่าจะได้เห็นการฟื้นตัวของผลกำไรในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงผลกำไรจะดีขึ้นอย่างชัดเจนในปี 60 เนื่องจากบริษัทได้แก้ไขปัญหาในเรื่องของการผลิต จนสามารถเดินเครื่องจักรได้ดีขึ้น ส่งผลให้การใช้กำลังการผลิตดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 3/59 ก็เป็นช่วงไฮซีซั่นของกลุ่มส่งออกอิเล็คทรอนิกส์ด้วย อีกทั้งเป็นปีแรกที่ SVI จะรับรู้รายได้จาก Seidel Electronics และจะรับรู้รายได้เต็มปีในปีหน้าซึ่งก็จะมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ ราคาหุ้น SVI ปัจจุบันถือว่า Laggard มากสุดในกลุ่มฯ เพราะการลงทุนในหุ้นตัวนี้ได้ชะงักไปหลายไตรมาส แต่ตอนนี้ผลการดำเนินงานเริ่มที่จะกลับมาดีขึ้น จึงมีความน่าสนใจที่จะลงทุนมากขึ้น

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 1.34 พันล้านบาท ลดลงจากปี 58 ที่มีกำไรสุทธิ 2 พันล้านบาท ซึ่งในปี 58 มีการรวมในส่วนของเงินประกันที่ได้รับถึง 1.6 พันล้านบาท แต่หากคิดในแง่ของกำไรจากการดำเนินงานปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ราว 689 ล้านบาท ทรงตัวจากปีที่แล้ว แต่ในปี 60 คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานจะเติบโตถึง 32.8% มาที่ระดับ 915 ล้านบาท

ส่วนน.ส.นารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น SVI ได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว ขณะที่ในปี 60 คาดหวังผลการดำเนินงานจะฟื้นตัว แม้ว่าปีนี้ภาพรวมการแก้ปัญหาเรื่องการผลิตของ SVI จะยังล่าช้า อันเป็นผลจากเหตุไฟไหม้แล้วส่งผลให้เครื่องจักรเสียหาย ส่งผลให้ยอดขายไม่มากเหมือนทั้งตั้งเป้าไว้ แต่ SVI ก็มีความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาเรื่อย ๆ และการผลิตก็น่าจะทยอยฟื้นตัวขึ้นได้

อย่างไรก็ตามในปีนี้คาดว่าผลการดำเนินงานของ SVI จะยังคงไม่ดี โดยคาดการณ์กำไรสุทธิไว้ที่ 1.86 พันล้านบาท ลดลง 9% จากปีที่แล้ว หลัก ๆ มาจากเงินประกันลดลง แม้ปีนี้จะมีการรับรู้รายได้จาก Seidel Electronics เข้ามาเป็นปีแรก แต่ในช่วงแรกก็มีค่าใช้จ่ายมากขึ้นด้วย แต่ปีหน้าคาดว่าผลการดำเนินงานจะฟื้นตัว แม้อาจจะไม่มีเงินประกันเข้ามาแล้ว แต่ในส่วนของกำไรจากการดำเนินงานจะเติบโตได้ เพราะการแก้ปัญหาเรื่องการผลิตคงจะดีขึ้นได้

ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ฯ โดยคาดว่า SVI จะมีกำไรปกติจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้ และยังได้รับเงินเคลมประกันราว 1.2 พันล้านบาท ทำให้ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง นอกจากนี้การลงทุนใน Seidel Electronics ที่ออสเตรีย ก็คาดว่าจะทำให้ยอดขายของ SVI เพิ่มได้ทันทีในปีนี้จากการได้ผลิตสินค้าไฮเทคขึ้น ลูกค้าเกรดสูงขึ้น และฐานการผลิตและลูกค้าที่เพิ่มขึ้นจากการซื้อกิจการจะทำให้ SVI ไม่ต้องซื้อกิจการใหม่ หรือขยายกำลังการผลิตไปสักระยะหนึ่ง

สำหรับกำไรปกติในช่วงครึ่งแรกปีนี้มีสัดส่วนเพียง 24% ของประมาณการเดิม และคาดกำไรปกติจะเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังปีนี้ แต่คงยังไม่เพียงพอจึงได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 59-61 ลงจากเดิม 1-7% และ roll over ไปใช้ราคาเป้าหมายปี 60 ที่ 6.20 บาท มีระดับ P/E 14 เท่า

อย่างไรก็ตามยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่ออนาคตระยะยาวของ SVI เพราะธุรกิจเดิมของ SVI ยังมีการเติบโต ทั้งจากสินค้าใหม่ที่เริ่มผลิตไปแล้วในไตรมาส 4/58 และยังมีการติดตั้งเครื่องใหม่และเครื่องจักรใหม่จะสามารถรองรับลูกค้าใหม่และลูกค้าเดิมได้เพิ่ม นอกจากนี้การซื้อบริษัทในออสเตรีย ทำให้ฐานการผลิตขยายจากไทยไปยังยุโรป และฐานลูกค้าขยายจากสแกนดิเนเวียไปยังยุโรปตะวันออก และยุโรปตะวันตกมากขึ้น ขณะที่การจะใช้เงินสดซื้อกิจการนี้ อาจกระทบเงินปันผลเล็กน้อย แต่การซื้อกิจการครั้งนี้ เมื่อรวมกับโรงงานที่มีในไทย ทำให้ SVI ไม่ต้องซื้อกิจการไปอีก 2-3 ปี และไม่ต้องสร้างโรงงานใหม่ไปอีก 7 ปี


แท็ก เอสวีไอ   (SVI)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ