บลจ.กสิกรฯ มองหุ้นไทยระยะกลาง-ยาวเป็นบวก แต่ระยะสั้นยังเสี่ยงผลเลือกตั้งสหรัฐ-เฟดขึ้นดบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 4, 2016 14:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนตราสารทุน บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยถึงมุมมองการลงทุนในหุ้นไทยว่ายังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกด้วยมุมมองในระยะกลางถึงยาว โดยยังมองเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปีนี้อยู่ที่ระดับ 1,550 จุด ด้วยอัตราส่วน Forward P/E ปี 2560 ที่ระดับ 14.5 เท่า

และคาดว่าในช่วงกลางปี 60 ดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 1,640 จุด โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและการฟื้นตัวของผลผลิตภาคการเกษตร ขณะที่ปัจจัยภายนอกมาจากสภาพคล่องในระบบการเงินโลกที่ยังมีอยู่สูงจากการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายทั่วโลก รวมถึงอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่อยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน ทำให้การลงทุนในหุ้นเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น

“ส่วนปัจจัยเสี่ยงในระยะสั้นที่ผู้ลงทุนควรติดตามคือ ผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ในวันที่ 8 พ.ย. นี้ที่อาจทำให้เกิดความผันผวนของตลาดในระยะสั้น รวมไปถึงจังหวะในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่ตลาดส่วนใหญ่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมปีนี้ แต่ก็คาดว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากตลาดได้รับรู้ถึงข่าวนี้ไปพอสมควรแล้ว ประกอบกับแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยคาดว่าจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในกองทุน LTF/RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทย อาจอาศัยจังหวะที่มีความผันผวนระยะสั้นทยอยเข้าสะสมการลงทุนเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี พร้อมทั้งการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย" นางสาวธิดาศิริกล่าว

นางสาวธิดาศิริกล่าวต่อไปว่า บลจ.กสิกรไทยมีกองทุน LTF/RMF ให้เลือกหลากหลายนโยบายครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ลงทุน โดยกองทุนที่แนะนำและมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ กองทุนเปิดเค 20 ซีเล็คท์หุ้นระยะยาวปันผล (K20SLTF) ซึ่งจากข้อมูลของมอร์นิ่งสตาร์ ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2559 กองทุน K20SLTF มีผลการดำเนินงานย้อนหลังในช่วง 1 ปีและ 3 ปี ติดเป็นอันดับที่หนึ่งในกลุ่มกองทุน LTF จากทั้งหมดจำนวน 52 กองทุน โดยผลดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 18.16% ต่อปี เอาชนะเกณฑ์มาตรฐาน (SET Index) ซึ่งอยู่ที่ 6.03% ต่อปี ส่วนผลดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 6.09% ต่อปี เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 1.02% ต่อปี

สาเหตุที่กองทุนดังกล่าวสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่โดดเด่น เนื่องมาจากกลยุทธ์การบริหารกองทุนในแนว Selective ซึ่งเป็นสไตล์การลงทุนของกองทุน K20SLTF ที่มีนโยบายเน้นการคัดเลือกหุ้นเด่นที่มีศักยภาพสูงไม่เกิน 20 ตัว ทั้งนี้การพิจารณาคัดเลือกหุ้นเข้ามาในพอร์ตการลงทุนจะใช้การวิเคราะห์ทั้งปัจจัยเชิงคุณภาพและปริมาณ เพื่อมองหาหุ้นที่มีความน่าสนใจซึ่งมีแนวโน้มเติบโตได้ดี หรือเป็นหุ้นที่ยังมีระดับราคาไม่แพงแต่มีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนได้สูง รวมถึงพิจารณาหุ้นที่มีธีมการลงทุนที่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้น และหุ้นของบริษัทที่ยังมีความสามารถในการทำกำไรได้ดีแม้จะอยู่ในภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน นอกจากนี้ยังพิจารณาภาพรวมของเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยมุ่งหวังเพื่อรักษาผลการดำเนินงานของกองทุนให้โดดเด่นอย่างสม่ำเสมอ

ส่วนผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน RMF เพื่อต้องการโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในวัยเกษียณ บลจ.กสิกรไทยขอแนะนำกองทุนเปิดเค Mid Small Cap หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (KMSRMF) ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ไม่เกิน 50,000 ล้านบาท ทั้งนี้ความน่าสนใจของหุ้นขนาดกลางและเล็กคือโอกาสในการเติบโตเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในอนาคต จึงมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าหุ้นขนาดใหญ่ในระยะยาว นอกจากนี้ด้วยจำนวนของหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีอยู่มากกว่า 500 ตัว ทำให้ผู้จัดการกองทุนมีโอกาสคัดเลือกหุ้นที่มีความน่าสนใจ อาทิ หุ้นปัจจัยพื้นฐานดีที่ยังมีมูลค่าไม่แพงแต่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี หรือหุ้นขนาดกลางและเล็กที่ราคาปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

สำหรับกองทุน KMSRMF ของบลจ.กสิกรไทยเป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา แต่ก็สามารถสร้างผลการดำเนินงานที่โดดเด่นด้วยเช่นเดียวกัน โดยกองทุนมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ติดเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มกองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทยขนาดกลางและเล็ก จากข้อมูลของมอร์นิ่งสตาร์ ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2559 โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 27.35% ต่อปี เอาชนะเกณฑ์มาตรฐาน (SET Index) ซึ่งอยู่ที่ 6.03% ต่อปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ