ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,525.41 จุด เพิ่มขึ้น 4.88 จุด(+0.32%) มูลค่าการซื้อขาย 51,170.37 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ตลอดวัน โดยปรับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,530.33 จุด ส่วนดัชนีแตะจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,523.73 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 710 หลักทรัพย์ ลดลง 510 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 400 หลักทรัพย์
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายวิจัย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้บวกดีทิศทางเดียวกับภูมิภาค ถึงแม้จะบวกน้อยกว่าหลายตลาดเช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียก็ตาม โดยปัจจัยจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นก็สะท้อนไปในตลาดแล้ว สิ่งที่ต้องระมัดระวังเมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ยจริง อาจจะเกิด Sell on fact ส่วนประเด็นอิตาลีก็ผ่อนคลายลงไปเพราะรัฐบาลพยายามประคับประคองภาคธนาคารและธนาคารกลางยุโรป (ECB) เองก็ยืนยันที่จะดูแลอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามการประชุม ECB ในวันนี้ ท่ามกลางกระแสการคาดการณ์ว่าจะมีการขยายมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ออกไปอีก 6 เดือน
นอกจากนี้ภายในประเทศยังมีปัจจัยหนุน 2 เรื่อง จากเม็ดเงินลงทุนของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ซึ่งปกติจะเข้ามาลงทุนในหุ้นบิ๊กแคป ซึ่งก็จะเห็นหุ้นบิ๊กแคปที่พักฐานนิ่งมานาน เช่น แบงก์ใหญ่ สื่อสาร วันนี้ก็ปรับขึ้นมา และจากหุ้นในกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ช่วงปลายปีต่อเนื่องต้นปี 60 คือกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้อานิสงส์จากการลงทุนภาครัฐ
สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ คาดว่าจะยังบวกได้ให้แนวต้านแรก 1,530 จุด ถัดไป 1,540-1,550 จุด โดยแนวฟิวเตอร์ (ไม่ควรหลุด) 1,510 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
JAS มูลค่าการซื้อขาย 2,088,51 ล้านบาท ปิดที่ 8.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท
INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 2,043,81 ล้านบาท ปิดที่ 50.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,862,94 ล้านบาท ปิดที่ 174.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,676,87 ล้านบาท ปิดที่ 362.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,354,96 ล้านบาท ปิดที่ 147.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท