นายพิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ (APCO) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 60 จะเติบโตราว 10% จากปีก่อน ยังไม่รวมการขยายช่องทางการขายใหม่ ผ่านตลาดออนไลน์ต่างประเทศ ที่บริษัทฯมีแผนจะรุกขยายทำตลาดในปีนี้ โดยปีนี้ถือเป็นปีแรกที่บริษัทฯจะเริ่มทำตลาดออนไลน์ในต่างประเทศ เบื้องต้นจะเน้นทำตลาดในประเทศที่มีประชากรมาก เช่น ประเทศอินโดนีเซีย ที่มีประชากรประมาณ 250 ล้านคน ซึ่งตั้งเป้าหมายยอดขายจากช่องทางการขายใหม่มากกว่า 100 ล้านบาทในปีนี้ หรือคิดเป็น 20% ของรายได้รวม จากปี 59 ที่บริษัทยังมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศไม่มากนัก
ทั้งนี้บริษัทฯจะจัดตั้งบริษัทร่วมทุน กับบริษัท เบทเตอร์พลัส กรุ๊ป จำกัด เพื่อดำเนินการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ APCO ผ่านช่องทางดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง โดยจะเน้นทำตลาดออนไลน์ในต่างประเทศ ซึ่งจะมีสัดส่วนการถือหุ้นกับพันธมิตรฝ่ายละ 50:50 โดยพันธมิตรมีฐานลูกค้าในประเทศเวียดนาม ฟิลลิปปินส์ และออสเตรเลียอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามบริษัทฯคาดหวังยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์น่าจะเติบโตได้ราว 50-60%
สำหรับการเติบโตในปีนี้ของบริษัทฯ ยังมาจากฐานลูกค้าเดิมที่เติบโต เป็นผลจากการใช้ผลิตภัณฑ์แล้วซื้อซ้ำอีก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ ผู้ติดเชื้อ HIV ผู้ป่วยเอดส์ และผู้ป่วยมะเร็ง ที่เน้นกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งเต้านมในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน
"ปีนี้บริษัทยังมีการกระตุ้นยอดขายในทุกช่องทาง ประกอบด้วย Direct Service, Call Center และ E-Commerce อย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรมการตลาด การเผยแพร่ข้อมูล และโปรโมชั่นรูปแบบต่างๆ คาดว่าในปีนี้ APCO จะสามารถสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก และขยายช่องทางจัดจำหน่ายสู่กลุ่มผู้บริโภคครอบคลุมขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา อีกทั้งมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10%"นายพิเชษฐ์ กล่าว
ขณะที่บริษัทฯวางงบลงทุนปีนี้ไว้ไม่เกิน 20 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับวิจัยและพัฒนา (R&D) ร่วมทั้งค่าใช้จ่ายจากจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อทำตลาดออนไลน์ต่างประเทศ อีกทั้งการขยายช่องทางจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ในช่วงไตรมาสแรกบริษัทฯจะเปิดศูนย์ BIM Health Center เพิ่ม 1 สาขา ณ ศูนย์การค้า พาราไดซ์ พาร์ค โดยมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาประจำสาขาด้านกระดูกและข้อเข่า จากปัจจุบันบริษัทมีศูนย์ BIM Health Center เปิดบริการอย่างเป็นทางการ จำนวน 2 สาขา คือ สาขา APCO สำนักงานใหญ่ อาคาร AIA รัชดาฯ และศูนย์การค้าเอสพานาด รัชดาฯ โดยบริษัทฯมีแผนเปิดศูนย์ดังกล่าวเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง หากมีสถานที่และทีมงานที่เหมาะสม
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า คาดอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 25-26% ตามวอลุ่มการขายที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าภายใน 2 ปีนี้ หรือภายใน 18-24 เดือน หากรายได้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 700-800 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิของบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 37.5% ซึ่งบริษัทฯคาดว่าจะเห็นตัวเลขรายได้และอัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับดังกล่าวได้ขณะที่มาร์เก็ตแคปของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตัว หรือ 10,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท
พร้อมกันนี้บริษัทฯยังมองโอกาสการเข้าซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่แล้ว บริษัทมีดีลเจรจาซื้อกิจการอยู่ 2 ดีลแต่การทำดีลยังไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ลงความเห็นว่ายังไม่คุ้มค่าในการลงทุน ส่วนแหล่งเงินทุน บริษัทฯมีกระแสเงินสดกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอในการลงทุนได้ หากบริษัทต้องการลงทุน
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า บริษัทฯเตรียมเสนอบอร์ดบริษัทพิจารณานำ APCO ย้ายเข้า SET จากปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เพื่อเป็นการขยายโอกาส และเพิ่มศักยภาพของบริษัท ให้เติบโตในอนาคต โดยจะเสนอในการประชุมบอร์ดวันที่ 23 ก.พ.นี้